ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ,ทัวร์ศรีลังกา 5 ดาว,โปรแกรมทัวร์ศรีลังกา,แพ็คเกจทัวร์ศรีลังกา,ราคาทัวร์ศรีลังกา,ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน,ทัวร์ศรีลังกา ดัมบูล่า,ทัวร์ศรีลังกา แคนดี้,ทัวร์ศรีลังกา ราคาประหยัด,ทัวร์ศรีลังกา เปิดจองแล้ว,แลนด์ทัวร์ศรีลังกา,บริษัททัวร์ศรีลังกา,ไกด์ทัวร์ศรีลังกา,ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ,ทัวร์ศรีลังกา โปโลนนารุวะ,

ทัวร์ศรีลังกา ทั้งหมด

ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ ดัมบูล่า แคนดี้ เมืองอนุราธปุระ เมืองโปโลนนารุวะ สิกิริยา

Email : MSN :  jenchai624@hotmail.com

โทร 089-9246304 , 087-5149753, 02-8867018-9 02-9481866

ทัวร์ศรีลังกา ติดต่อ..พี่ปอง ได้เลย

อยากเที่ยวประเทศไหน คลิกไปที่ธงชาติ นั้น ๆ กรุ๊ป จอย หรือ แจม กันไป มีวันที่เดินทางให้แล้ว คลิกไปที่ธงชาติ ที่อยากจะไปได้เลย

กรุ๊ปทัวร์ส่วนตัวศรีลังกา ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ หรือ ซื้อสินค้าเวียดนาม สอบถาม / จอง / โอนเงิน   จองทัวร์,สอบถาม,สมปองทัวร์


 

                                   
หลวงพระบาง-น้ำตกตาดทอง,หลวงพระบาง-วัดเชียงทอง,หลวงพระบางไก่อร่อย,ทัวร์หลวงพระบางควบเวียดนาม,ทัวร์หลวงพระบางกับจีนสิบสองปันนา,ทัวร์หลวงพระบาง-ฮานอย,ทัวรหลวงพระบาง-เดียนเบียนฟู,ลาวหลวงพระบาง,ทัวร์หลวงพระบาง-เวียงจันทน์,จองทัวร์หลวงพระบาง,จองลาวหลวงพระบาง,ทัวร์บินหลวงพระบาง,บินกับทัวร์หลวงพระบาง,ทัวร์หลวงพระบางบินไปกับพี่ปอง,ทัวร์หลวงพระบางบินสบายไปกับแอร์ลาว, ทัวร์หลวงพระบางชมสาวลาว,ทัวร์หลวงพระบางสัมผัสอาหารลาวแท้ๆ,ชมหลวงพระบางเมืองเก่า,เที่ยวหลวงพระบางกับเรา,ทัวร์หลวงพระบางลาวโบราณกับเราสิ,เรือไปหลวงพระบาง,ห้วยทราย-หลวงพระบาง,หนองคาย-หลวงพระบาง,เวียงจันทน์ไปหลวงพระบาง,ทัวร์อุดรไปหลวงพระบาง,กรุงเทพฯ-หลวงพระบาง,   ทัวร์พม่า,ทัวร์ย่างกุ้ง,ทัวร์มัณฑเลย์,ทัวร์ย่างกุ้ง,ทัวร์อินเล,ทัวร์พุกาม,ทัวร์เชียงตุง,ทัวร์ชเวดากอง,ทัวร์พระธาตุอินทร์แขวน,ทัวร์เนปิดอว์   ทัวร์กัมพูชา,ทัวร์เสียมเรียบ,ทัวร์พนมเปญ,ทัวร์นครวัด,ทัวร์นครธม,ทัวร์สีหนุวิลล์,ทัวร์โตนเลสาบ,ทัวร์เขมร,   ทัวร์เวียดนาม,ทัวร์ฮานอย,ทัวร์ฮอยอัน,ทัวร์โฮจิมินห์,ทัวร์เวียดนามเหนือ,ทัวร์เวียดนามกลาง,ทัวร์เวียดนามใต้,ทัวร์ดาลัด,ทัวร์ทะเลทรายมุยเน่,ทัวร์กู๋จี,ทัวร์ไซ่ง่อน   ทัวร์ลาว,ทัวร์เวียงจันทน์,ทัวร์หลวงพระบาง,ทัวร์ลาวใต้,ทัวร์ลาวเหนือ,ทัวร์ลาวใต้,ทัวร์คอนพะเพ็ง,ทัวร์หลวงพระบาง,ทัวร์วังเวียง,ทัวร์ทุ่งไหหิน   ทัวร์จีน,ทัวร์ปักกิ่ง,ทัวร์เซี่ยงไฮ้,ทัวร์สิบสองปันนา,ทัวร์เชียงรุ้ง,ทัวร์คุนหมิง,ทัวร์จางเจี่ยเจี้ย,ทัวร์แชงกรีร่า,ทัวร์จิวจ่ายโกว,ทัวร์ธิเบต,ทัวร์ฮาบิ้น,ทัวร์ลี่เจียง   ทัวร์มาเลเซีย,ทัวร์หาดใหญ่,ทัวร์คาเมร่อน,ทัวร์เกนติ้ง,ทัวร์มะละกา,ทัวร์ปีนัง,ทัวร์กัวลาลัมเปอร์,ทัวร์ตึกปิโตนาส   ทัวร์ฮ่องกง,ทัวร์เซินเจิ้น,ทัวร์มาเก๊า,ทัวร์เกาะลันตา,ทัวร์กระเช้านองบิง,ทัวร์คาสิโน,ทัวร์จูไห่,   ทัวร์สิงคโปร์,ทัวร์มาเลเซียควบสิงคโปร์,ทัวร์หาดใหญไปสิงคโปร์,ทัวร์เลโก้แลนด์,ทัวร์สิงคโปร์ควบมาเลเซีย  
 ทัวร์ ไทย   ทัวร์พม่า      ทัวร์กัมพูชา   ทัวร์เวียดนาม    ทัวร์ลาว   ทัวร์จีน   ทัวร์มาเลเซีย   ทัวร์ฮ่องกง   ทัวร์สิงคโปร์  
ทัวร์ไต้หวัน     ทัวร์เนปาล   ทัวร์ญี่ปุ่้น,ทัวร์โตเกียว,ทัวร์โอซาก้า,ทัวร์เกียวโต,   ทัวร์เกาหลี,ทัวร์เซจู   ทัวร์อินเดีย,ทัวร์เดลฮี,ทัวร์สี่สังเวชสถาน,ทัวร์อะชันต้า,ทัวร์แคสเมียร์,ทัวร์อาโลร่า,ทัวร์พิฆเนศ   ทัวร์ฟิลิปปินส์ทั้งหมด   ทัวร์รัสเซีย ทั้งหมดประเทศรัสเซีย   ทัวร์ศรีลังกา,  
ทัวร์ไต่้หวัน        ทัวร์มัลดีฟ       ทัวร์เนปาล     ทัวร์ญี่ปุ่น   ทัวร์เกาหลี   ทัวร์อินเดีย   ทัวร์ฟิลิบปินส์   ทัวร์รัสเซีย     ทัวร์ศรีลังกา  
                                   

 

จะเที่ยวประเทศอะไรคลิกไปที่ธงชาติมีกำหนดวันเดินทางไว้แล้วนะ

 

ทัวร์ศรีลังกา 4 วัน

คลิกที่ภาพ อ่านโปรแกรมเลยจ้า


โปรเเกรมศรีลังกา มาเเล้วจ้าาาาา
บินตรงสู่ โคลัมโบ 4 วัน 3 คืน
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ เขาสิกิริยา ถ้ำดัมบูลลา

(BT-CMB01_SL)
มหัศจรรย์..ศรีลังกา 4 วัน 3 คืน

เดินทาง
เดือน เม.ย. - มิ.ย. 62 เป็นต้นไป
12-15 เมย.62 ท่านละ 18,900.-
13-16 เมย.62 ท่านละ 18,900.-
18-21 เมย.62 ท่านละ 18,900.-
25-28 เมย.62 ท่านละ 18,900.-
01-04-พค.62 ท่านละ 20,900.-
09-12-พค.62 ท่านละ 18,900.
16-19-พค.62 ท่านละ 19,900.
17-20-พค.62 ท่านละ 20,900.
23-26-พค.62 ท่านละ 19,900.
30 พค-02 มิย 62 ท่านละ 19,900.
06-09-มิย.62 ท่านละ 19,900.
13-16 -มิย.62 ท่านละ 18,900.
20-23-มิย.62 ท่านละ 19,900.
27-30-มิย.62 ท่านละ 18,900.
สนใจโปรแกรมทัวร์ คลิ๊กเลย!

 

   
   
   
   
   
   
   
   
   
   
 

ทัวร์ศรีลังกา แดนพุทธภูมิ

หากไม่สนใจจะไปร่วมจอยกับคนอื่นเรามีโปรแกรมเฉพาะสำหรับกรุ๊ปส่วนตัวมีกลุ่มของตัวเอง    

เพียงมีกลุ่มตั้งแต่ 8 คนขึ้นไป สามารถเลือกวันเดินทางได้เองตามแต่ใจเลยครับเลือกโปรแกรมที่อยากจะไปที่ประเทศที่ต้องการจะไป ได้เลย

 
ทัวร์ฮานอยกับถนนสามสิบหกสาย,ทัวร์ฮานอย-ทะเลสาบคื่นดาบ,ทัวร์ฮานอย-วัดหง๊อกเซิน,ทัวร์ฮานอย-โรงแรมเพียบ,ทัวร์ฮานอย-ที่ดินแพงมาก,
ทัวร์เวียดนาม
ทัวร์หลวงพระบาง ทั้งหมดเช่นหลวงพระบาง,คอนพะเพ็ง,หลี่ผี,ปราสาทวัดพู
ทัวร์ลาว
ทัวร์กัมพูชา รวมเสียมเรียบและพนมเปญ
ทัวร์กัมพูชา
ทัวร์มาเลเซีย ทั้งหมดไม่ว่าเกนติ้ง,ปีนัง,คาเมรอน,มะละกา
ทัวร์มาเลเซีย
ทัวร์พม่า ทั้งหมดได้แก่ ย่างกุ้ง, พุกาม,ชเวดากอง,อินแขวน,มัณฑะเลย์,อินเล,ตองยี
ทัวร์พม่า
ทัวร์จีน ทั้งหมด เช่นปักกิ่ง,กุ้ยหลิน,สิบสองปันนา,ฮ่องกง,เซี่ยงไฮ้,
ทัวร์จีน
ทัวร์ไต้หวัน
ทัวร์ไต้หวัน
ทัวร์เกาหลี ทั้งหมดของประเทศเกาหลี
ทัวร์เกาหลี
ทัวร์ญี่ปุ่น ทั้งหมด
ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์ฮ่องกง
ทัวร์ฮ่องกง
ทัวร์สิงคโปร์
ทัวร์สิงคโปร์
ทัวร์ไทย ทั้งหมดของประเทศไทย
ทัวร์ไทย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อินเดีย ทั้งหมดของประเทศอินเดีย
ทัวร์อินเดีย
ทัวร์ศรีลังกา
ทัวร์ศรีลังกา
ทัวร์เนปาล
ทัวร์เนปาล
ทัวร์ภูฎาน
ทัวร์ภูฎาน
ทัวร์รัสเซีย ทั้งหมดประเทศรัสเซีย
ทัวร์รัสเซีย
ทัวร์มัลดีฟ
ทัวร์มัลดีฟ
ทัวร์นิวซีแลนด์
ทัวร์นิวซีแลนด์
ทัวร์ยุโรป
ทัวร์ยุโรป
ทัวร์โครเอเซีย
ทัวร์คานาดา
ทัวร์คานาดา
ทัวร์ฟิลิปปินส์
ทัวร์ฟิลิปปินส์
ทัวร์อเมริกา
ทัวร์อเมริกา
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
ขายบ้าน รามอินทรา 1
ขายบ้าน หลังที่ 2 
ขายที่ดิน 17 ไร่ จอมบึง ราชบุรี
ขายที่ดิน 17 ไร่ จอมบึง ราชบุรี 
ขายบ้าน+ที่ดิน
สมุทรปราการ
 
มีดปอกผักบุ้ง
กาแฟเวียดนาม
กาแฟเวียดนามบดแล้ว
ทัวร์ปักกิ่ง
 
ทัวร์สิบสองปันนา
บินไป 18,900 บาท
 
ทัวร์กุ้ยหลิน
 
ทัวร์คุนหมิง
 
มีดปอกผักบุ้เวียดนาม
ขายตั๋วเครื่องบิน
ทั่วโลก
 
มีดปอกผักบุ้ง
 เวียดนาม
 
ขายสินค้าไม่จำเป็น
 
ทัวร์มัณฑะเลย์
 
พัดเวียดนาม
ชา เวียดนาม
กาแฟเวียดนาม G 7
กาแฟ G 7- 3 in 1
มีดสารพัดประโยชน
ขายตั๋วเครื่องบิน
 ทั่วโลก
 
สินค้าเวียดนาม
 
ขายกระจก ส่องหน้า
ขายบ้านร้าง
99 ตารางวา 
 ที่ดินที่รามอินทรา
 
ขายบ้าน+ที่ดิน
99 ตารางวา 
สมุทรปราการ 
 
ขายที่ดิน 10ไร่
ย่านบางแค
 
ให้เช่า โกดัง+ที่ดิน
 303 วา 
 รามอินทรา
 
ทัวร์หลวงพระบาง 
8,500 บาท
 
ทัวร์หลวงพระบาง 
7,500 บาท 
 
ทัวร์หลวงพระบาง
 บินลาวแอร์ไลน์     
 
ทัวร์หลวงพระบาง
บินลาวเซ็นทรัล
 
ทัวร์คอนพะเพ็ง-ลาวใต้
 6,900 บาท
 
ทัวร์ฮานอย
รวมทัวร์เวียดนาม
 
ทัวร์เวียดนาม
 9,500 บาท
 
ทัวร์เวียดนาม-ซาปา
  5 วัน  เช้ากลับเช้า
 
ทัวร์เวียดนามใต้
ดาลัด-มุยเน่
  5 วัน 
 
ทัวร์เขาสก
ควบหมู่เกาะชุมพร
5,850 บาท
 
ทัวร์เกาะเต่า
ชุมพร
 
ทัวร์ 9 วัด
อยุธยา - 890 บาท
 
ทัวร์สิบสองปันนา
12,900 บาท 
 
ทัวร์สิบสองปันนา
 4 วัน บินลงเชียงราย
 
ทัวร์พม่า-ย่างกุ้ง
4 วัน สำหรับคนสูงวัย
 
ทัวร์มัณฑะเลย์
3 วัน บินแอร์เอเซีย
 
ทัวร์มัณฑะเลย์-พุกาม
4 วัน บินแอร์เอเซีย
 
ทัวร์พม่า-ย่างกุ้ง
 3 วัน เครื่องบิน
 
ทัวร์เชียงตุง-พม่า
 3 วัน เครื่องบิน
 
ทัวร์เชียงตุง-พม่า
8,900 บาท
 
ทัวร์เวียดนามกลาง
 บินไป 4 วัน 
 
ทัวร์กัมพูชา 3 วัน
 บินบางกอกแอร์เวย์
 
ทัวร์กัมพูชา
  ควบเวียดนามใต้ 
 6 วัน
 
ทัวร์กัมพูชา
 รวมเสียมเรียบ
และพนมเปญ 
 
ทัวร์เมดาน-หาดใหญ่
 5 วัน
 
ทัวร์เวียดนามใต้
 โฮจิมินห์-หมีธอ 
 4 วัน
 
ทัวร์มาเลเซีย
8,900 บาท 
 
ทัวร์มาเลเซีย-สิงคโปร์
 4 วัน 
 
 
 
ทัวร์ฮานอย-กุ้ยหลิน
7 วัน 
 
ทัวร์ดาลัด-มุยเน่
4 วัน
 
ทัวร์ดาลัด-มุยเน่
 5 วัน
 
ทัวร์ฮานอย-ฮาลองเบย์
 4 วัน 
 
ทัวร์ซาปา 5 วัน
เที่ยง กลับเย็น 
 
ทัวร์ฮานอย-ซาปา
  5 วัน เที่ยง กลับค่ำ 
 
ทัวร์หลวงพระบาง 4 วัน
 ลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์
 เช้ากลับเช้า
 
ทัวร์หลวงพระบาง 4 วัน
ลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์
 ค่ำกลับเย็น 
 
ทัวร์โฮจิมินห์
  4 ซัน
 
ทัวร์ดาลัด
 4 วัน 
 
ทัวร์เวียดนามใต้-
ดาลัด
 
ทัวร์ภูฏาน
4 วัน 
 
ทัวร์ภูฎาน
5 วัน 
 
ทัวร์มาเลเซีย
 โดยเครื่องบิน 
 
ทัวร์ฮ่องกง
 ดิสนีย์แลนด์ 3 วัน 
 
ทัวร์ฮ่องกง
3 วัน 
 
กาแฟเวียดนาม
บดแล้ว 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
ขายบ้าน รามอินทรา 1
ขายบ้าน หลังที่ 2 
ขายที่ดิน 17 ไร่ จอมบึง ราชบุรี
ขายที่ดิน 17 ไร่ จอมบึง ราชบุรี 
ขายบ้าน+ที่ดิน
สมุทรปราการ
 
มีดปอกผักบุ้ง
กาแฟเวียดนาม
กาแฟเวียดนามบดแล้ว
ทัวร์ปักกิ่ง
 
ทัวร์สิบสองปันนา
บินไป 18,900 บาท
 
ทัวร์กุ้ยหลิน
 
ทัวร์คุนหมิง
 
มีดปอกผักบุ้เวียดนาม
ขายตั๋วเครื่องบิน
ทั่วโลก
 
มีดปอกผักบุ้เวียดนาม
 
ขายสินค้าไม่จำเป็น
 
ทัวร์มัณฑะเลย์
 
พัดเวียดนาม
ชา เวียดนาม
กาแฟเวียดนาม G 7
กาแฟ G 7- 3 in 1
มีดสารพัดประโยชน
ขายตั๋วเครื่องบิน
 ทั่วโลก
 
สินค้าเวียดนาม
 
ขายกระจก ส่องหน้า
ขายบ้านร้าง
99 ตารางวา 
 ที่ดินที่รามอินทรา
 
ขายบ้าน+ที่ดิน
99 ตารางวา 
สมุทรปราการ 
 
ขายที่ดิน 10ไร่
ย่านบางแค
 
ให้เช่า โกดัง+ที่ดิน
 303 วา 
 รามอินทรา
 
ทัวร์หลวงพระบาง 
8,500 บาท
 
ทัวร์หลวงพระบาง 
7,500 บาท 
 
ทัวร์หลวงพระบาง
 บินลาวแอร์ไลน์
              
 
ทัวร์หลวงพระบาง
บินลาวเซ็นทรัล
              
 
ทัวร์คอนพะเพ็ง-ลาวใต้
 6,900 บาท
 
ทัวร์ฮานอย
รวมทัวร์เวียดนาม
 
ทัวร์เวียดนาม
 9,500 บาท
 
ทัวร์เวียดนาม-ซาปา
  5 วัน  เช้ากลับเช้า
 
ทัวร์เวียดนามใต้
ดาลัด-มุยเน่
  5 วัน 
 
ทัวร์เขาสก
ควบหมู่เกาะชุมพร
5,850 บาท
 
ทัวร์เกาะเต่า
ชุมพร
 
ทัวร์ 9 วัด
อยุธยา - 890 บาท
 
ทัวร์สิบสองปันนา
12,900 บาท 
 
ทัวร์สิบสองปันนา
 4 วัน บินลงเชียงราย
 
ทัวร์พม่า-ย่างกุ้ง
4 วัน สำหรับคนสูงวัย
 
ทัวร์มัณฑะเลย์
3 วัน บินแอร์เอเซีย
 
ทัวร์มัณฑะเลย์-พุกาม
4 วัน บินแอร์เอเซีย
 
ทัวร์พม่า-ย่างกุ้ง
 3 วัน เครื่องบิน
 
ทัวร์เชียงตุง-พม่า
 3 วัน เครื่องบิน
 
ทัวร์เชียงตุง-พม่า
8,900 บาท
 
ทัวร์เวียดนามกลาง
 บินไป 4 วัน 
 
ทัวร์กัมพูชา 3 วัน
 บินบางกอกแอร์เวย์
 
ทัวร์กัมพูชา
  ควบเวียดนามใต้ 
 6 วัน
 
ทัวร์กัมพูชา
 รวมเสียมเรียบ
และพนมเปญ 
 
ทัวร์เมดาน-หาดใหญ่
 5 วัน
 
ทัวร์เวียดนามใต้
 โฮจิมินห์-หมีธอ 
 4 วัน
 
ทัวร์มาเลเซีย
8,900 บาท 
 
ทัวร์มาเลเซีย-สิงคโปร์
 4 วัน 
 
 
 
ทัวร์ฮานอย-กุ้ยหลิน
7 วัน 
 
ทัวร์ดาลัด-มุยเน่
4 วัน
 
ทัวร์ดาลัด-มุยเน่
 5 วัน
 
ทัวร์ฮานอย-ฮาลองเบย์
 4 วัน 
 
ทัวร์ซาปา 5 วัน
เที่ยง กลับเย็น 
 
ทัวร์ฮานอย-ซาปา
  5 วัน เที่ยง กลับค่ำ 
 
ทัวร์หลวงพระบาง 4 วัน
 ลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์
 เช้ากลับเช้า
 
ทัวร์หลวงพระบาง 4 วัน
ลาวเซ็นทรัลแอร์ไลน์
 ค่ำกลับเย็น 
 
ทัวร์โฮจิมินห์
  4 ซัน
 
ทัวร์ดาลัด
 4 วัน 
 
ทัวร์เวียดนามใต้-ดาลัด
 
ทัวร์ภูฏาน
4 วัน 
 
ทัวร์ภูฎาน
5 วัน 
 
ทัวร์มาเลเซีย
 โดยเครื่องบิน 
 
ทัวร์ฮ่องกง
 ดิสนีย์แลนด์ 3 วัน 
 
ทัวร์ฮ่องกง
3 วัน 
 
กาแฟเวียดนาม
บดแล้ว 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
ทัวร์ไทย,ทัวร์กรุงเทพฯ,ทัวร์อยุธยา,ทัวร์กระบี่,ทัวร์เชียใหม่,ทัวร์เชียงราย,ทัวร์ภูเก็ต,ทัวร์แม่ฮ่องสอน,ทัวร์หลีเป๊ะ,ทัวร์หมู่เกาะสุรินทร์,ทัวร์เขาสก,ทัวร์สุราษฎร์,ทัวร์เกาะสมุย,
ทัวร์ ไทย
หลวงพระบาง:รวมลาว:วังเวียง:วียงจันทน์,ชวนกันไปหลวงพระบาง,ใส่บาตรพระหลวงพระบาง,ตลาดมืดหลวงพระบาง,ถ้ำติ่งที่หลวงพระบาง,หลวงพระบางมรดกโลก,รถโบราณของหลวงพระบาง,หลวงพระบางแสนสงบ,หลวงพระบางที่ปรารถนา,บินไปหลวงพระบาง,หลวงพระบางทางรถ,หนองคายไปหลวงพระบาง,อุดร-หลวงพระบาง,เชียงของล่องเรือไปหลวงพระบาง,เชียงใหม่-หลวงพระบาง,สุวรรณภูมิบินตรงหลวงพระบาง
ทัวร์ลาว
ความหลังเวียดนามในความทรงจำ,เวียดนามมีหุ่นกระบอกน้ำขึ้นชื่อมาก,พระราชวังเก่าในเวียดนามก็สวยลึกซึ้ง,เส้นทางไปเวียดนาม,อุบล-เวียดนาม,มุกดาหาร-เวียดนาม,เวียงจันทน-เวียดนาม,กรุงเทพฯ-เวียดนาม,ลาว-เวียดนาม,กัมพูชา-เวียดนาม,หลวงพระบาง-เวียดนาม,เวียดนามเหนือไปกลางโดยรถไฟ,ฮานอยไปเว้โดยรถไฟ,เวียดนามเหนือไปเวียดนามใต้โดยรถไฟนั่งนานมาก,
ทัวร์เวียดนาม
ทัวร์จีนทั้งหมด
ทัวร์จีน
ทัวร์พม่า
ทัวร์พม่า
ทัวร์กัมพูชา
ทัวร์กัมพูชา
ทัวร์มาเลเซีย ทั้งหมดไม่ว่าเกนติ้ง,ปีนัง,คาเมรอน,มะละกา
ทัวร์มาเลเซีย
ทัวร์ฮ่องกง
ทัวร์ฮ่องกง
สมปองทัวร์
หน้าหลักสมปองทัวร์
ทัวร์เกาหลี ทั้งหมดของประเทศเกาหลี
ทัวร์เกาหลี
ทัวร์อินเดีย ทั้งหมดของประเทศอินเดีย
ทัวร์อินเดีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์อินโดนีเซีย
ทัวร์ญี่ปุ่น ทั้งหมด
ทัวร์ญี่ปุ่น
ทัวร์ศรีลังกา
ทัวร์ศรีลังกา
ทัวร์สิงคโปร์
ทัวร์สิงคโปร
ทัวร์ไต้หวัน
ทัวร์ใต้หวัน
ทัวร์รัสเซีย ทั้งหมดประเทศรัสเซีย
ทัวร์รัสเซีย
ทัวร์เนปาล
ทัวร์เนปาล
ทัวร์ฟิลิปปินส์
ทัวร์ฟิลิบปินส์
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

 

     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
  หน้าหลัก  
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
     
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 
ทัวร์ปักกิ่ง
 
     
 

ทัวร์สิบสองปันนา

 
     
 
ทัวร์กุ้ยหลิน
 
     
 

ทัวร์คุนหมิง

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 
ขายตั๋วเครื่องบิน
ทั่วโลก
 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 
ขายสินค้าไม่จำเป็น
 
     
 

ทัวร์มัณฑะเลย์

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
     
     
     
  ทัวร์ไทย,ทัวร์กรุงเทพฯ,ทัวร์อยุธยา,ทัวร์กระบี่,ทัวร์เชียใหม่,ทัวร์เชียงราย,ทัวร์ภูเก็ต,ทัวร์แม่ฮ่องสอน,ทัวร์หลีเป๊ะ,ทัวร์หมู่เกาะสุรินทร์,ทัวร์เขาสก,ทัวร์สุราษฎร์,ทัวร์เกาะสมุย,
  ทัวร์ ไทย
  หลวงพระบาง:รวมลาว:วังเวียง:วียงจันทน์,ชวนกันไปหลวงพระบาง,ใส่บาตรพระหลวงพระบาง,ตลาดมืดหลวงพระบาง,ถ้ำติ่งที่หลวงพระบาง,หลวงพระบางมรดกโลก,รถโบราณของหลวงพระบาง,หลวงพระบางแสนสงบ,หลวงพระบางที่ปรารถนา,บินไปหลวงพระบาง,หลวงพระบางทางรถ,หนองคายไปหลวงพระบาง,อุดร-หลวงพระบาง,เชียงของล่องเรือไปหลวงพระบาง,เชียงใหม่-หลวงพระบาง,สุวรรณภูมิบินตรงหลวงพระบาง
  ทัวร์ลาว
  ความหลังเวียดนามในความทรงจำ,เวียดนามมีหุ่นกระบอกน้ำขึ้นชื่อมาก,พระราชวังเก่าในเวียดนามก็สวยลึกซึ้ง,เส้นทางไปเวียดนาม,อุบล-เวียดนาม,มุกดาหาร-เวียดนาม,เวียงจันทน-เวียดนาม,กรุงเทพฯ-เวียดนาม,ลาว-เวียดนาม,กัมพูชา-เวียดนาม,หลวงพระบาง-เวียดนาม,เวียดนามเหนือไปกลางโดยรถไฟ,ฮานอยไปเว้โดยรถไฟ,เวียดนามเหนือไปเวียดนามใต้โดยรถไฟนั่งนานมาก,
  ทัวร์เวียดนาม
  ทัวร์จีนทั้งหมด
  ทัวร์จีน
  ทัวร์พม่า
  ทัวร์พม่า
  ทัวร์กัมพูชา
  ทัวร์กัมพูชา
  ทัวร์มาเลเซีย ทั้งหมดไม่ว่าเกนติ้ง,ปีนัง,คาเมรอน,มะละกา
  ทัวร์มาเลเซีย
  ทัวร์ฮ่องกง
  ทัวร์ฮ่องกง
  สมปองทัวร์
  หน้าหลักสมปองทัวร์  
  ทัวร์เกาหลี ทั้งหมดของประเทศเกาหลี
  ทัวร์เกาหลี
 
ขายตั๋วเครื่องบิน
ทั่วโลก
 
  ขายตั๋วทั่วโลก
 
ขายสินค้าเหลือใช้
 
  ขายสินค้าเหลือใช้  
 

มีดปอกผักบุ้งเวียดนาม

 
  ขายมีดปอกผักบุ้ง
  ทัวร์อินเดีย ทั้งหมดของประเทศอินเดีย
  ทัวร์อินเดีย
  ทัวร์อินโดนีเซีย
  ทัวร์อินโดนีเซีย  
  ทัวร์ญี่ปุ่น ทั้งหมด
  ทัวร์ญี่ปุ่น
  ทัวร์ศรีลังกา
  ทัวร์ศรีลังกา
  ทัวร์สิงคโปร์
  ทัวร์สิงคโปร  
  ทัวร์ไต้หวัน
  ทัวร์ใต้หวัน
  ทัวร์รัสเซีย ทั้งหมดประเทศรัสเซีย
  ทัวร์รัสเซีย
  ทัวร์เนปาล
  ทัวร์เนปาล
  ทัวร์ฟิลิปปินส์
  ทัวร์ฟิลิบปินส์
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     
     

 

     
   
  หน้าหลัก  
   
  รวม ไทย  
   
  รวมเวียดนาม  
   
   รวมลาว  
   
  รวมพม่า  
   
  รวมจีน  
   
  รวม กัมพูชา  
   
  รวมมาเลเซีย  
   
  รวมฮ่องกง  
   
  หน้าหลัก  
   
  อินเดีย  
   
  สิงคโปร์  
     
     
     
     
     
     
     
     
   
     
   
     
   
     
   
     
   
     
     

 

 

ทัวร์ศรีลังกา ที่อัพเดทวันที่เดินทางเอาไว้   

กรุ๊ปส่วนตัวที่จะไปกัมพูชา จะไปกี่คนก็ได้ และวันไหนก็ตามใจ

แต่ให้เหมาะ ควรมีไม่น้อยกว่า 8-12 คน จะได้ราคาพิเศษกว่า

ยิ่งได้ สัก 40-100 คน ก็ยิ่งดีมากครับ ติดต่อมาทางอีเมล์หรือ โทรมาก็ได้

 

   
 
 


ทัวร์ศรีลังกา - โคลัมโบ

เนคอมโบ, อนุราชปุระ,มีถสานที่สำคัญ 8 แห่ง ,
1. เจดีย์ถูปราราม เจดีย์พุทธสถานองค์แรก ปี พศ.30.0
2, ลังการาม, 3, เจดียอภัยคีรี 4, เจดีย์เชตวัน
5, โลหะปราสาท ซึ่งเป็น 1 ใน 3 แห่งของโลก อายุกว่า 2,100 ปี
แห่งแรกอยู่ที่อินเดีย แห่งที่สอง อยู่ในศรีลังกา
และแห่งสุดท้ายอยู่ที่ วัดราชนัดดา กรุงเทพฯ.
6, เจดีย์มิริสวัติยา 7, เจดีย์รุวันเวสิ
เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระ เคยเป็นที่ตั้งของสำนักมหาวิหาร
อันเป็นสำนักสงฆ์ที่สำคัญของศรีลังกามาแต่ก่อน  ตั้งอยู่ในวัดอภัยคีรีวิหาร
8, วิหารอิสุรุมุณิยะ วัดในพระพุทธศาสนา สถานที่ประดิษฐานรอยพระบาท
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ และประติมากรรมสลักหิน “คู่รัก” อันโด่งดัง
9,  ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก
เพราะเชื่อกันว่าเป็นหน่อต้นพระศรีมหาโพธิ์ จากพุทธคยาประเทศอินเดีย 
ถูกนำมา โดยพระนางสังฆมิตาเถรีในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ
(ประมาณ พ.ศ. 235   สมัยพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งชมพูทวีป)  

เมืองดัมบูล่า เป็นเมืองที่มีถ้ำอยู่บนแท่นศิลาขนาดใหญ่ และสูง500 ฟุต
บนฐานกว้าง1ไมล์เป็นที่ตั้งของวิหารศิลาอันเลื่องชื่อที่มีอายุ ตั้งแต่ศตวรรษที่1ก่อนศริสตกาล
คือ วัดถ้ำดัมบุลลา"GOLDEN ROCK TEMPLE"
ซึ่งแบ่งออกเป็นทั้งหมด 5 ถ้ำ ภายในถ้ำแรก มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ยาว 47ฟุต
แกะสลักจากแท่งหิน สำหรับในถ้ำที่2 มีพระพุทธรูปขนาดเท่าองค์จริงประดิษฐานอยู่ถึง150องค์
นอกจากนี้ถ้ำอื่นๆยังมีภาพวาดสีน้ำบนเพดาน และรูปปั้นของพระพุทธรูปและพระพุทธเจ้าอยู่รอบๆ
ซึ่งภาพสีน้ำบนเพดานมีอายุ อยู่ในศตวรรษที่15-18
ถือเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์พุทธศาสนาของชาว สิงหลชม
ถ้ำดัมบุลลา "DAMBULLA CAVE"วัดที่เจาะภูเขาเป็นถ้ำ สลักเสลาเป็นพระพุทธรูปไสยยาสน์
สร้างเจดีย์ภายในถ้ำคล้ายถ้ำอจันต้า-เอลลอร่าในอินเดีย อายุเกือบ2,000ปี
มีภาพจิตรกรรมฝาผนังสวยงามได้รับการประกาศเป็นมรกโลกด้านศิลปวัฒนธรรม

ภูเขาสิกิริยา  ซึ่งเป็นภูเขาหินสูงก้อนเดียว ณ บนยอดเขาเป็นที่ตั้งของป้อมปราสาทสิกิริยา  (Sigiriya Palace)

วัดพระเขี้ยวแก้วดาลดา มัลลีกาวะ ซึ่งปกติจะประดิษฐานอยู่ในผอบ
และผอบอยู่ในเจดีย์อีก 7 ชั้น ซึ่งพระเจดีย์อยู่ในห้องกระจกกันกระสุน
ห้องกระจกกันกระสุนอยู่ในหอมีประตูเงินประตูทองหนา1ศอก 3 ชั้น
ยากที่สาธุชนจะได้เห็นพระเขี้ยวแก้วจริงๆอย่างใกล้ชิด

วัดบุปผาราม หรือ วัดพระอุบาลี ตั้งอยู่ริมทะเลสาปแคนดี้
เป็นวัดที่พระอุบาลีและคณะสมทูตจากกรุงศรีอยุธยา มาทำการบรรพาชาให้ภิกษุชาวศรีลังกา
ในสมัยพระเจ้าบรมโกษนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นของ นิกายสยามวงศ์


วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร ซึ่งชาวศรีลังกาเชื่อว่าเมื่อ2,500 ปีที่แล้ว
พระพุทธเจ้าได้เคยมาเสด็จประทับนั่งบนรัตนบัลลังก์ทองคำที่วัดแห่งนี้
และพระพุทธเจ้าได้ทรงเทศน์โปรดชาวสิงหลเป็นครั้งแรก

 

   
   

  กพ.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ สิกิริยา 13-17.....31,500_UL_NTK

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2557

  มีีค.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ สิกิริยา 08-12.....31,500_UL_NTK

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2557

  เมย.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ สิกิริยา 12-16....31,500_UL_NTK
ทัวร์ศรีลังกา ปี 2557
  สค.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ   08-12....42,900_TG_AL
ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ
  กย.57
  ัทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ   03-07....42,900_TG_AL
ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ
  ตค.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ   22-26....42,900_TG_AL
ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ
 
  ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน 22-29......39,900_UL_VH
ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน
  พย.57
  ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ   05-09....42,900_TG_AL
ทัวร์ศรีลังกา อนุราชปุระ ดัมบุลล่า - แคนดี้ โคลัมโบ
 
  ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน 14-21......39,900_UL_VH
ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน
  ธค.57
  ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน 05-12......39,900_UL_VH
ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน
 
  ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน 26 ธค-02 มค.58......39,900_UL_VH
ทัวร์ศรีลังกา 8 วัน
 
   
 
 
   
 
 
   
 

 


 
 
 
 

 

 

 

,

 

 

 

 

 
 

 

 

 

 

 

 

 

 

 
 
 
 
 
 

 

10-14, 20-24....30,000.- UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2556

 

โคลัมโบ รวมมัลดีฟ 10-15, 20-25 ......38,900.-UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกาควบมัลดีฟ

 

 

 

 

10-14,....30,000.- UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2556

 

โคลัมโบ รวมมัลดีฟ 10-15 ......41,900.-UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกาควบมัลดีฟ

 

24-29....35,000 บาท UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา 6 วัน

 

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 24-28.....39,000 บาท UL_AL

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 5 วัน

 

24-28....30,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

18-23....35,000 บาท UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา 6 วัน

 

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 18-22.....39,000 บาท UL_AL

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 5 วัน

 

18-22....30,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

23-27....32,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

 

 

 

02-06.....32,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

20-24....30,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 20-24.....39,000 บาท UL_AL

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 5 วัน

 

20-25....35,000 บาท UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา 6 วัน

 

โคลัมโบ รวมมัลดีฟ 07-12 ......38,900.-UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกาควบมัลดีฟ

 

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 07-11.....39,000 บาท UL_AL

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 5 วัน

 

07-11,10-14,....30,000.- UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2556

 

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 14-18.....39,000 บาท UL_AL

ศรีลังกา ควบ มัลดีฟ 5 วัน

 

14-18....30,000 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

14-19....35,000 บาท UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา 6 วัน

 

28 ธค 01 มค.57 ,....33,900.- UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกา ปี 2556

 

โคลัมโบ รวมมัลดีฟ 28 ธค - 02 มค.57......51,900.-UL_TRT

ทัวร์ศรีลังกาควบมัลดีฟ

 

28 ธค-01 มค.57....39,900 บาท UL_TPT

ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน

 

 

 

 

 

ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ , พระเขี้ยวแก้ว 5 วัน

เมืองศรีลังกา,ประเทศศรีลังกา,

  ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน บินการบินไทย_TG_AL ทัวร์ศรีลังกา 5 วัน บินการบินไทย_TG_AL

ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ , พระเขี้ยวแก้ว 6 วัน

เมืองศรีลังกา,ประเทศศรีลังกา,

ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ , เกาะมัลดีฟ 6 วัน

เมืองศรีลังกา,ประเทศศรีลังกา,

ทัวร์ศรีลังกา ควบ ดูไบ 6 วัน

ทัวณืศรีลังกาควบดูไบ

ทัวร์ศรีลังกา,ศรีลังการอยบาทแห่งพระพุทธองค์

ประเทศศรีลังกา

เมืองศรีลังกา,ประเทศศรีลังกา,

 

 

 

ทัวร์ศรีลังกา,ศรีลังการอยบาทแห่งพระพุทธองค์

ภาพการเดินทางไปศรีลังกา

ภาพศรีลังกา,บันทึกภาพศรีลังกา,

 

 

 

ทัวร์ศรีลังกา,ศรีลังการอยบาทแห่งพระพุทธองค์

แผนที่ศรีลังกา

แผนที่ศรีลังกา,

 

 

 

ทัวร์ศรีลังกา,ศรีลังการอยบาทแห่งพระพุทธองค์

รูปภาพศรีลังกามากมาย

ศรีลังกา-ดินแดนพุทธ

 

 

 

ข้อมูลศรีลังกา

ศรีลังการรอท่านมาเยือน

 

 

 

ระทึกศรีลังกาขู่เผาตัวเอง

คนศรีลังกาทำเอาขนลุก

 


 

ประวัติพุทธศาสนาในศรีลังกา

ศรีลังกา-น่าไปมาก

 

 

 

สื่อศรีลังกาชื่นชมในหลวงของเรา

ศรีลังกา-ตามรอยพระพุทธองค์

 

 

 

ตำรวจศรีลังกาปะทะม๊อบต้านน้ำมันแพง

ศรีลังกาผู้คนที่นับนับถือศาสนาพุทธ

 

 

 

ศรีลังกา โลกแห่งภาพถ่าย

ศรีลังกา-วัดมากมายให้ทำบุญ

 

 

 

 

ศรีลังกา บริจาค ดวงตามากเป็นอันดับสองของโลก

ศรีลังกาดินแดนที่พุทธศาสนามาปรากฎ

 

 

 

คลิปหนุ่มศรีลังกา เผาตัวเอง

ศรีลังกาทัวร์ไปกับสมปอแงทัวร์สิ

 

 

 

สัมผัสพุทธศาสนาที่ศรีลังกา

ศรีลังกาต้องไปทำบุญกันขนานใหญ่

 

 

 

ศรีลังกา มรดกโลก

ศรีลังกาที่คนไทยไม่น้อยไปทำบุญกันที่นั่น

 

 

 

ธงชาติศรีลังกา

ศรีลังกาเคร่งในพุทธศาสนามาก

 

 

 

 

ฟังพระศรีลังกาสวงดอิติปิโส

ศรีลังกาต่ออินเดียก็ดีนะ

 

 

 

 

คนศรีลังกาแต่งตัวกันอย่างไร

ศรีลังกาต่อเนปาลก็ได้นิ

 

 

 

 

เวลาของศรีลังกาเปรียบเทียบกันดู

ศรีลังกางามจับตานัก

 


 

 

คลิปวีดีโอศรีลังกา

ศรีลังกาดินแดนที่เต็มไปด้วยหมอก

 

 

 

 

อาหารศรีลังกา

ศรีลังกาอาหารน่ากินมาก

 

 

 

 

วีดีโอ ภาพเมืองแคนดี้ของศรีลังกา

ศรีลังกาเมืองมรดกโลก

 

 

 

ภาพท่องเที่ยวศรีลังกาที่ rumassala

ศรีลังกาต้องไปเยือนสักครั้ง

 

 

 

ศรีลังการวมปฑิบัติธรรมนานาชาติ

ศรีลังกามีทิวทัศน์ที่งามจับตา

 

 

 

 

ศรีลังกาเมืองแขกที่นับถือศาสนาพุทธ

ศรีลังกาไปไหว้พระเขี้ยวแก้ว

 

 

 

 

ทีวีศรีลังกา

ศรีลังกากับต้นศรีมหาโพธิ์

 

 

 

 

8 วันในศรีลังกา ในรูปแบบหนังสือ

 

 

 

 

ธรรมะจาริกในศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกามีพระพุทธศาสนากับการเมือง

 

 

 

 

อดีตพระพุทธรูปในศรีลังกา หลังเจอสึนามิ

 

 

 

 

ไปศรีลังกา จาริกบุญที่เทือกเขาศรีปาทะ

 

 

 

 

ศรีลังกาเตรียมส่งออกข้าว

 

 

 

 

ศรีลังกา ความเป็นมา

 

 

 

 

วีซ่าศรีลังกา

 

 

 

 

ชาศรีลังกา

 

 

 

 

ประวัติศาสตร์ของศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกามีพิธีบวชภิกษุณี

 

 

 

 

ศรีลังกาสั่งเนรเทศครูสอนศาสนามุสลิม

 

 

 

 

ภูมิอากาศในศรีลังกา

 

 

 

 

เยือนสยามนิกายในศรีลังกา

 

 

 

 

พระเจ้างอกเติบโตที่ศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกากับสงครามกลางเมือง

 

 

 

 

ศรีลังกา ใข้เลือดออกระบาด

 

 

 

 

ศิลปะศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกากับวัดธรรมกาย

 

 

 

 

ศรีลังกากับประวัติความเจริญทางพุทธศาสนา

 

 

 

 

ช่าวศรีลังกากับอดีต ผบ.ทหาร

 

 

 

 

เที่ยวศรีลังกา หลังจากลาบวช

 

 

 

 

รูปี ของศรีลังกา

 

 

 

 

พระสังฆนายกศรีลังการ่วมปลูกต้นโพธิ์

 

 

 

 

ตารางเที่ยวบินในศรีลังกา

 

 

 

 

พระศรีลังกาได้รับการถวายบาตรที่ทำจากสแตนเลส

 

 

 

 

ศรีลังกากับคนมาลายู

 

 

 

 

ศรีลังกาดินแดนที่สวยงาม

 

 

 

 

ศรีลังกาสั่งห้ามบูชายัญ

 

 

 

 

ศรีลังกามีสตรีรับจ้างกวดทุ่นระเบิด

 

 

 

 

ค้นค้นคนในศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกาแบ นักร้อง เอคอน

 

 

 

 

คลิปทหารศรีลังกาสังหารหมู่

 

 

 

 

บทเรียนจากศรีลังกา

 

 

 

 

วันเอกราชขงศรีลังกา

 

 

 

 

ธรรมจาริกในศรีลังกา

 

 

 

 

มิสศรีลังกา

 

 

 

 

คลิประบำศรีลังกา

 

 

 

 

สองพระสงฆ์ไทยบุกศรีลังกา

 

 

 

 

ประธานาธิบดีศรีลังกาประกาศยุบสภา

 

 

 

 

มนต์ขลังของศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกา ตอนที่ 1

 

 

 

 

ขับรถลุยหมอกที่ศรีลังกา

 

 

 

 

เข็มศรีลังกา น่าปลูก

 

 

 

 

ต้นศรีมหาโพธิ์ที่ศรีลังกา

 

 

 

 

ศรีลังกาปล่อยนักโทษ 1,400 คน

 

 

 

 

ศรีลังกาตจอนฉลองพระเขี้ยวแก้วที่ แคนดี้

 

 

 

 

อัญเชิญพระธาตุจากศรีลังกา

 

 

 

 

ที่ตั้งศรีลังกา เป็นเกาะในมหาสมุทรอินเดีย อยู่ทางตอนใต้ของอินเดียประมาณ 80 กิโลเมตร
โดยมี Gulf of Mannar และช่องแคบ Palk คั่นกลาง อาณาเขต ทิศเหนือและตะวันออกจรดอ่าวเบ็งกอล
ทิศใต้และ ทิศตะวันตกจรดมหาสมุทรอินเดีย พื้นที่ มี 9 จังหวัด รวมพื้นที่ทั้งหมด 65,610 ตารางกิโลเมตร (25,332 ตารางไมล์
ขนาดเท่ากับภาคกลางของประเทศไทย)เมืองหลวงของศรีลังกาคือ กรุงโคลัมโบ ตั้งอยู่ริมมหาสมุทรอินเดียทางภาคตะวันตกของประเทศศรีลังกา

ศรีลังกาประกอบด้วย 8 จังหวัด ดังนี้ ชื่อเมืองหลวงอยู่ในวงเล็บ
จังหวัดกลาง ของศรีลังกา (แคนดี)
จังหวัดซาบารากามูวา (รัตนปุระ)
จังหวัดตะวันตกของศรีลังกา (โคลอมโบ)
จังหวัดตะวันตกเฉียงเหนือ ของศรีลังกา (กุรุเนกะละ)
จังหวัดตะวันออกเฉียงเหนือ ของศรีลังกา (ตรินโคมะลี)
จังหวัดใต้ ของศรีลังกา (กอลล์)
จังหวัดกลางตอนเหนือ ของศรีลังกา (อนุราธปุระ)
จังหวัดอูวา (บาดุลลา)ภูมิอากาศ ศรีลังกา
อากาศช่วงพื้นที่ราบลุ่ม ภูมิอากาศของโคลัมโบจะอยู่ประมาณที่ 27 องศาเซลเซียส ในพื้นที่ราบสูงอากาศจะเย็น
อุณหภูมิสามารถลงถึง 16 องศาเซลเซียส จากภูเขาที่มีความสูง 2,000 เมตร เหนือระดับน้ำทะเล แดดออกตลอดทั้งวัน ช่วงลมมรสุมอากาศของศรีลังกา
ลมมรสุมทางตะวันออกเฉียงใต้จะพาฝนมาด้วยจะเข้าศรีลังกาตั้งแต่เดือน พ.ค. ถึง ก.ค. และพัดต่อไปทางตะวันตกเฉียงเหนือ ทางตอนใต้และทางภาคกลาง
แต่ภาคเหนือและภาคตะวันออกจะได้รับอิทธิพลของลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ ในช่วงเดือน ธ.ค. ถึง ม.ค. ประชากร ศรีลังกา
พลเมืองของศรีลังกามีประมาณ 20,238,000 คน อัตราการเพิ่มของประชากรร้อยละ 0.83 ประชากรเป็นชาว สิงหล ร้อยละ 74
ทมิฬ ร้อยละ 8 แขกมัวร์ (มุสลิมจากอินเดียและตะวันออกกลาง) ร้อยละ 7 และอื่น ๆ คือ พวกเชื้อชาติเบอร์เกอร์ เวดด้า และมาเลย์
มีอัตราการรู้หนังสือโดยรวม ร้อยละ 92.3 เพศชาย ร้อยละ 94.8 และเพศหญิง ร้อยละ 90 ศาสนา
ประชากรส่วนใหญ่นับถือพุทธศาสนา (69.3%) ฮินดู (15.5%) อิสลาม (7.6%) คริสเตียน (7.5%) และอื่น ๆ อีก 0.1% ภาษา ศรีลังกา
ภาษาราชการของศรีลังกา คือ สิงหล และทมิฬ ภาษาอังกฤษใช้ติดต่อสื่อสารเป็นภาษากลาง

สกุลเงิน ศรีลังกา
ศรีลังกา รูปี อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อประมาณ 100 รูปี หรือ 1 รูปี ต่อประมาณ 0.40 บาท

ประวัติศาสตร์ศรีลังกา
ประเทศศรีลังกามีการค้นพบหลักฐานทางโบราณคดีเกี่ยวกับร่องรอยการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ในสมัยก่อนประวัติศาสตร์และอยู่ต่อเนื่องกันมาจนถึงปัจจุบัน
ดังจะเห็นได้จากหลักฐานต่างๆในการจัดแสดงที่อยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติโคลัมเบีย ที่ศรีลังกา โดยแบ่งออกเป็นกลุ่มวัฒนธรรม 2 กลุ่มด้วยกันคือ
วัฒนธรรมรัตนปุระ (Ratanapura Culture) ศรีลังกาอยู่ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ เรียกว่า“ ยุคหินเก่า” (Palaeolithic Age )
อายุประมาณ 50000 ถึง 15000 ปีมาแล้ว
หลักฐานที่พบในศรีลังกาเป็นเครื่องมือหิน เป็นหินกรวดมน หรือหินร่องน้ำ ทำมาจากแกนหิน ไม่มีการเจาะผลึกหรือสะเก็ดหินจะหนาและกลมเกลี้ยง
มักจะค้นพบในระดับความลึกราว 3.6 – 16 เมตรจากผิวดิน ฝังอยู่ในชั้นทราย และในคัมภีร์มหาวงศ์ของศรีลังกาได้กล่าวไว้ว่า
เกาะศรีลังกาเป็นถิ่นที่อยู่ของชนเผ่าที่เรียกว่า “ยักษา” (Yakshes) และ “นาค” (Nages) ซึ่งเป็นชนพื้นเมืองดั้งเดิมอาศัยอยู่ที่นี่
ก่อนที่ชนชาติอินโด – อารยันจะอพยพเข้ามาตั้งรกรากที่เกาะแห่งนี้

วัฒนธรรมพลังโคทา (Balangoda Culture) ศรีลังกา
อยู่ในยุคสมัยก่อนประวัติศาสตร์ สืบต่อมาจากวัฒนธรรมรัตนะปุระ จัดแบ่งออกเป็น 3 สมัย สมัยหินกลาง ประมาณ 15000-8000 ปี มาแล้ว
สมัยหินใหม่ ประมาณ 8000-2600 ปีมาแล้ว และสมัยโลหะ ประมาณ 2600-2500 ปี มาแล้ว
หลักฐานที่พบส่วนใหญ่เป็นเครื่องมือขนาดใหญ่ทำด้วยหิน และกระดุกเป็นเครื่องมือ
มีวิธีการกะเทาะที่ประณีตบนแกนหิน อันเป็นกรรมวิธีที่ค้นพบในระยะที่เกิดการใช้ภาชนะดินเผาเป็นครั้งแรกในศรีลังกา

ต่อมาเข้าสู่ยุคศิลปะสมัยประวัติศาสตร์ (Historical Art) ของศรีลังกา
แบ่งออกเป็น 6 แบบด้วยกัน ดังต่อไปนี้
1. ศรีลังกา มีศิลปะแบบอนุราธปุระ ( Anuradhapura) พ.ศ. 106-1560
2. ศรีลังกา มีศิลปะแบบโปโลนนารุวะ Polonnaruwa พ.ศ 1560-1778
3. ศรีลังกา ศิลปะแบบทัมพเทณิยะ ยาปวุวะ และกุรุเณคละ Dambadeniya Yapavuva and Kurunegala พ.ศ. 1778 -1884
4. ศรีลังกา ศิลปะแบบคัมปาละ หรือ คัมโปละ Gampala or Gampola พ.ศ. 1884 1958
5. ศรีลังกา ศิลปะแบบชัยวรรธนะปุระ หรือ โกฏเก Jayavardhanapura or Kotte พ.ศ. 1958 2140
6. ศรีลังกา ศิลปะแบบสิริวัฒนบุรี หรือแคนดี้ Sirivardhanapuri or kandy พ.ศ. 2140 – 2358
ชาวศรีลังกาได้รับพุทธศาสนามาจากพระเจ้าอโศกมหาราชของอินเดีย พระองค์ทรงส่งพระราชโอรส
คือ พระมหินท์ Mahinda และพระราชธิดาคือ พระนางเถรีสังฆมิตตา Their Sanghamitta
มาเป็นสมณะฑูตในดินแดนศรีลังกา เมื่อปี พ.ศ 307 พระมหินท์ทรงสำเร็จเป็นพระอรหันต์
และได้รับการถวายสมัญญานามจากชาวศรีลังกา
หลักฐานทางโบราณคดีที่ค้นพบ สนับสนุนให้เชื่อได้ว่าพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงจัดส่งสมณะทูต
ไปเผยแพร่พระพุทธศาสนาได้แก่ศิลาจารึกอักษรพราหมี Brahmi ที่พระองค์ทรงประดิษฐ์ขึ้นเป็นครั้งแรก
บันทึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ศรีลังกาชิ้นแรกสุดหรือเก่าแก่ที่สุดได่แก่ คัมภีร์มหาวงศ์ Mahavamsa
เป็นคัมภีร์ที่สำคัญที่สุดของศรีลังกาคู่กับคัมภีร์อีกเล่มหนึ่งที่เกิดขึ้นระยะหลังคือ คัมภีร์จุลวงษ์ Culavamsa
ทั้งสองคัมภีร์ไดถูกรวบรวมขึ้นเป็นครั้งแรกในพุทธศตวรรษที่ 11 โดยพระภิกษุหลายรูป
มีเนื้อหาเกี่ยวกับการตั้งรกรากของชาวศรีลังกาโดยการเข้ามามาของชนเผ่าแรกคือ ชนชาติสิงหล Sinhalese
ซึ่งมีการสืบเชื้อสายมาจากชนชาติอินโด - อารยัน โดยอพยพมาจากตอนเหนือของอินเดีย
ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 1 ตัมพปัณณิในช่วงเวลาที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธ์ปรินิพพาน

เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
อนุราธปุระเป็นเมืองที่มีพิธีกรรมเฉลิมฉลองมากที่สุดในบรรดาเมืองเก่าแก่ต่างๆ ของศรีลังกาทรัพย์สมบัติที่มีค่ามากที่สุดของเมืองน
ี้คือ ดากาบา (เจดีย์)
สร้างด้วยอิฐตากแห้งก้อนเล็กๆสร้างเป็นรูปทรงกลมผ่าครึ่ง สำหรับดากาบาที่เด่นๆ มีอยู่ 3 แห่งคือ
หนึ่งที่ รูวันเวลี มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาวถึง 300 ฟุต
และมีอายุสืบไปในสมัยศตวรรษที่ 2 ก่อนคริสตกาล สองที่ เจตวันวนาราม มีเส้นผ่าศูนย์กลางยาว 370 ฟุต
และ สามที่ ถูปาราม ซึ่งประดิษฐานอัฐิพระรากขวัญของพระพุทธเจ้า
สำหรับโบราณวัตถุที่มีชื่อเสียง เป็นที่รู้จักกันดีของเมืองนี้คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์
ซึ่งกล่าวกันว่าเป็นต้นที่งอกมาจากกิ่งต้นไม้ที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้ปลูกขึ้นเมื่อ 2,250 ปี ก่อน
และนับเป็นต้นไม้แห่งประวัติศาสตร์ที่เก่าแก่ที่สุดในโลก

สถานที่สำคัญในเมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ศรีลังกาเป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา เพราะเป็นต้นไม้ที่ประทับและตรัสรู้สัมโพธิญาณของพระพุทธเจ้า
ดังปรากฏในคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาว่าต้นโพธิ์เปรียบได้กับพุทธอุเทสิกเจดีย์อย่างหนึ่ง
ทำให้พันธ์ต้นโพธิ์กลายเป็นพันธ์ไม้ที่เป็นที่เคารพนับถือของชาวพุทธเสมอมา
นับแต่สมัยพุทธกาล ต้นโพธิ์ในพระพุทธประวัติสองต้นคือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ ณ พุทธคยา
สถานที่ตรัสรู้ และ ต้นอานันทโพธิ์ ณ วัดเชตวันมหาวิหาร
ซึ่งอานันทโพธิ์ยังคงยืนต้นมาจนถึงปัจจุบัน โดยคำว่า "ต้นพระศรีมหาโพธิ์" นั้น
อาจหมายถึงต้นที่อยู่ที่พุทธคยา ต้นโพธิ์ที่สืบมาจากหน่อโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา
หรือต้นโพธิ์ที่เป็นอุเทสิกเจดีย์อื่น ๆ ก็ได้ เช่น ต้นโพธิ์ตามวัดต่าง ๆในปัจจุบัน
ต้นพระศรีโพธิ์สำคัญที่ยังคงยืนต้นอยู่ในปัจจุบันมี 3 ต้นด้วยกัน
คือ ต้นพระศรีมหาโพธิ์ตรัสรู้ที่พุทธคยา, ต้นพระศรีมหาโพธิ์เมืองอนุราธปุระ, และต้นอานันทโพธิ์วัดพระเชตวันมหาวิหาร
แต่ต้นโพธิ์พระเจ้าอโศกแห่งเมืองอนุราธปุระ ที่นำหน่อพันธ์มาจากพุทธคยา
ได้รับการเคารพนับถือและปฏิบัติบูชาด้วยความเคารพอย่างสูงมาตลอดตั้งแต่สองพันปีโดยไม่ขาดช่วง
มีการทำกำแพงทองคำและมีชาวพุทธผู้ศรัทธามาทำการสักการะตลอดเวลา
ซึ่งต่างจากต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยาที่ถูกทำลายและล้มลงตามธรรมชาติหลายครั้ง
และต้นอานันทโพธิ์ที่วัดเชตวันที่ขาดช่วงการดูแลจากชาวพุทธหลังจากพระพุทธศาสนาเสื่อมไปจากอินเดีย
พุทธศานิกชนชาวศรีลังกาจะต้องมาบูชาสวดมนต์เป็นแห่งแรก
ต้นศรีมหาโพธ์ ที่มีอายุยืนนานถึง 2309 ปี เริ่มปลูก พ.ศ 236 ต้นศรีมหาโพธิ์ต้นนี้ ไม่เคยมีใครมาทำร้าย
หรือทำลายเหมือนต้นศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย
ตามประวัติที่ปรากฏเป็นหลักฐานหลายแห่งระบุไว้ตรงกันว่า พระภิกษุณี ซึ่งมีพระนามว่า สังฆมิตตา ได้ทรงนำมาพระนางสังฆมิตตาเถร
ีพระองค์ทรงเป็นพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชแห่งอินเดียทรงผนวชและบำเพ็ญเพียรจนได้สำเร็จเป็นพระอรหันต์องค์หนึ่งในพระพุทธศาสนา
พระนางทรงเป็นผู้นำกิ่งตอนของต้นศรีมหาโพธิ์ต้นเดิมที่สมเด็จพระชินสีห์มุนีนาถ พระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า
ทรงตรัสรู้ได้เสด็จรอนแรมมาจากพุทธคยา
แล้วทรงนำเรือจากอินเดียข้ามมาสู่เกาะลังกา นำมาถวายแด่พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะแล้วพระองค์ได้ทรงนำมาปลุกไว้ที่ตรงนี้
และทรงทำนุบำรุงรักษาไว้เป็นอย่างดีตกทอดมาเป็นสมบัติของชาวพุทธศรีลังกา นับได้ว่าเป็นต้นโพธิ์ที่มีอายุยืนนานที่สุดในโลก
หากต้นโพธิ์ที่พระพุทธองค์ ทรงตรัสรู้ยังอยู่ดีไม่มีมารผจญทำลายล้างก็จะต้องมีอายุยืนนานมากกว่า 2600 ปี
เพราะก่อนที่พระองค์จะเสด็จมาประทับภายใต้ต้นโพธิ์ที่ทรงตรัสรู้
ต้นโพธิ์มีกิ่งก้านสาขาใหญ่ใต อาจจะมีอายุมากกว่า 100 ปีมาแล้ว บริเวณวัดพระศรีมหาโพธิ์กว้างขวางใหญ่โตพอสมควร
สังเกตเห็นว่ามีกำแพงล้อมรอบอยู่ถึง 3 ชั้นด้วยกัน คือกำแพงที่กั้นเขตวัดเป็นชั้นที่ 1
ส่วนชั้นที่ 2 ก็คือกำแพงที่กั้นล้อมต้นพระศรีมหาโพธิ์ซึ่งสร้างขึ้นไว้ในลักษณะเหมือนวิหาร
แล้วยังมีกำแพงชั้นในสุดที่กั้นล้อมบริเวณโคนต้น ยกฐานขึ้นสูงจากพื้นดินปกติธรรมดาขึ้นไปไม่น้อยกว่า 4-5 เมตร
ภายในเขตกำแพงชั้น3 ห้ามมิให้ผู้ใดบังอาจเข้าไปใกล้โคนต้นเป็นอันขาด
ณ บริเวณพระวิหารพระศรีมหาโพธิ์ทางด้านหน้าเขาสร้างเป็นซุ้มใหญ่มีประติมากรรมรูปปั้นของพระนางสังฆมิตตาเถร
ีพระราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราช กำลังถวายกิ่งตอนของพระศรีมหาโพธิ์
ซึ่งอยู่ในกระถางทองคำแด่พระเจ้าเทวนัมปิยติสสะ ซึ่งได้ปั้นไว้ในภายในซุ้มเดียวกันในการเข้าไปสักการะบูชาต้นศรีมหาโพธิ์
ทุกคนจะต้องถอดร้องเท้าก่อนที่จะเข้าไปยังบริเวณต้นของพระศรีมหาโพธิ์
โดยต้องผ่านการตรวจอาวุธในห้องสี่เหลี่ยมขนาดเล็กแยกเป็นชายหญิงคนละห้อง
มีทหารชายและหญิงเป้นผู้ตรวจโดยที่ผู้เข้าไปจะต้องเข้าแถวไปตรวจทีละคน เป็นการป้องกันเหตุร้าย
การลอบวางระเบิดเพื่อความปลอดภัยของทุกคน โลหะปราสาท ศรีลังกา

โลหะปราสาทหลังที่ 1 อยู่ที่อินเดีย สร้างขึ้นโดยนางวิสาขา บุตรีธนัญชัยเศรษฐีแห่งเมืองสาวัตถ
ี โดยการประมูลราคาเครื่องประดับของตน ชื่อ "มหาลดาประสาธน์"เป็น 9 โกฏิ 1 แสน
แล้วนำเงินสร้างที่อยู่ให้พระสงฆ์ มีลักษณะเป็นปราสาท 2 ชั้น 1,000 ห้อง ยอดปราสาททำด้วยทองคำมีชื่อว่า "มิคารมาตุปราสาท"

โลหะปราสาทหลังที่
2
อยู่ที่ศรีลังกา
พระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์แห่งกรุงอนุราธปุระ ทรงสร้างขึ้นเมื่อประมาณ พุทธศักราช 382
ตามคำทำนายในแผ่น พระสุพรรณบัฏขิง พระมหินทเถระที่ทรงได้พบ
โปรดฯ ให้สร้างแบบทิพยพิมานที่ทอดพระเนตร มีความกว้างและสูงด้านละ 100 ศอก มี 9 ชั้น 1,000 ห้อง
หลังคามุงด้วยแผ่นทองคำ ผนังเป็นไม้ประดับหินมีค่าและงานช้าง ปัจจุบันเหลือแต่ซากปราสาท
ซึ่งประกอบด้วยเสาหิน ประมาณ 1,600 ต้น

โลหะปราสาทหลังที่ 3 อยู่ที่ประเทศไทยเป็นโลหะปราสาทวัดราชนัดดารามวรวิหาร สร้างในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว
โปรดช่วยให้ช่างออกแบบก่อสร้าง ตามลักษณะของโลหะปราสาท
ที่พรรณนาไว้ในหนังสือมหาวงศ์ พงศาวดารลังกา ซึ่งพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัย กษัตริย์ลังกาทรงสร้างไว้ เมื่อพุทธศักราช 387
ในพุทธศักราช 2394 พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว จึงทรงโปรดกระหม่อมให้สร้างโลหะปราสาทขึ้นที่วัดราชนัดดารามวรวิหาร
การสร้างโลหะปราสาทของพระองค์ เป็นการสร้างแทนการสร้างเจดีย์ โดยทรงมอบหมายให้สมเด็จพระยาบรมมหาพิชัยญาติ (ทัต บุนนาค)
ขณะยังเป็นพระยาพิพัฒน์รัตนราชโกษา ดำรงตำแหน่งอธิบดีก่อสร้างช่างสิบหมู่และช่างศิลา เป็นแม่กลองดำเนินการก่อสร้าง การออกแบบก่อนสร้าง
พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเดินทางไปดูแบบโลหะปราสาท ณ ลังกาประเทศ
โดยนำเค้าเดิมมาเป็นแบบ แล้วปรับปรุงให้เป็นสถาปัตยกรรม ตามลักษณะศิลปกรรมไทย พระมหาเจดีย์รุวันเวลิสยา เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
พระมหาเจดีย์รุวันเวลิสยา ชาวศรีลังกาเรียกกันหลายชื่อ เช่น สุวรรณมาลิกเจดีย์ รัตนมาลี เหมปาลี รุวันเวลิสยา พระมหาเจดีย์มีขนาดใหญ่ ปูด้วยก้อนหินภูเขา
โดยใช้ช้างลากหินเหล่านั้นมา เพราะฉะนั้นเราจะเห็นการสร้างช้างล้อมไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ให้กับช้างที่ได้ช่วยในการก่อสร้างพระมหาเจดีย์น
ี้ด้วยพระมหาเจดีย์รุวันเวลิสยา ประวัติความเป็นมานั้น พระเจ้าเทวานัมปิยติสสะ ได้ให้ดอกจำปากับพระมหินเถระพระมหินเถระ
จึงโปรยดอกไม้ลงไปในแผ่นดินบริเวณหนึ่ง แผ่นดินก็ไหว
พระราชาจึงได้ถามพระเถระว่าเหตุใดแผ่นดินจึงไหว พระเถระทูลตอบพระราชาว่า
ณ บริเวณนี้ จะเป็นที่ประดิษฐานพระมหาเจดีย์อันไม่มีใครเหมือนเลย
พระราชาจึงได้ถามพระเถระว่าใครจะเป็นผู้สร้างพระเถระทูลว่าไม่ใช่พระองค์สร้าง
แต่จะเป็นพระนัดดา(หลาน)คือพระเจ้าทุฏฐคามณีอภัยเป็นผู้สร้างพระมหาเจดีย์นี้
ซากโบราณสถานนี้จะเป็นวิหารที่มีอยู่หลายหลังด้วยกันขนาดไม่ใหญ่นัก ฐานทำด้วยหิน
มีเสาหินปักเรียงรายอยู่ หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ยอดของเสาหินจะมีลวดลายแกะสลักเป็นรูปคนแคระหรือยักแบกปรากฏอยู่
และตรงหน้าบันไดวิหารจะต้องมีอัฒจันทร์ วางอยู่บนพื้นดินเสมอ และจะแกะสลักเป็นเป็นภาพต่างๆตรงกลางจะเป็นรุปดอกบัวครึ่งดอก
จากนั้นจะเป็นแนวโค้งรอบดอกบัวต่อกันออกไปหลายๆแนวมักนิยมสลักเป็นรูปสัตว์ 4 ชนิดเรียงกันอยู่ในแนวนอกสุด คือ ช้าง ม้า วัว และสิงโต
สันนิษฐานกันว่ารูปสลักบนอัฒจันทร์ รูปช้าง ม้า วัว และสิงโต หมายถึงทิศหลักทั้ง 4 ทิศ ส่วนรูปสลักหงส์หรือห่าน
หมายถึงทิศทั้ง 5 ทิศข้างบนที่อยู่เหนือศรีษะ ผู้ใดเดินผ่านเหมือนได้ขึ้นสวรรค์

เจดีย์เชตวัน เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
สร้างด้วยอิฐทั้งองค์ในสมัยพระเจ้ามหาเสนะ(ครองราชย์พ.ศ. 819-846) เป็นเจดีย์มีความสูง 122 เมตร
จึงเป็นเจดีย์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับ 3 ของโลกในยุคสมัยเดียวกัน
เป็นรองลงมาจากปิรามิด 2 แห่ง ในอียิปต์ฐานเจดีย์มีเส้นผ่าศูนย์กลาง 113 เมตร
บริเวณโดยรอบองค์เจดีย์เชตวันนี้มีซากโบราณสถานและอาคารต่างๆหลงเหลืออยู่มากมาย
เช่น อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธปฏิมา กุฏิพระสงฆ์ ศาลาโรงธรรม อ่างเก็บน้ำ ที่สรงน้ำพระ โรงทาน
และสำนักสงฆ์ ที่พระเจ้ามหาเสนะทรงสร้างขึ้นมีชื่อว่า “เชตวันวิหาร”

เจดีย์อภัยคีรี เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
“เจดีย์อภัยคีรี” (Abayagiriya) ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดอภัยคีรีวิหาร ซึ่งเป็นสถานที่ซึ่งพระพุทธศาสนานิกายมหายานเจริญรุ่งเรือง
เจดีย์อภัยคีรีนี้เป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่มากเป็นอันดับสองรองจากเจดีย์เชตวัน
เส้นผ่านศูนย์กลาง 110 เมตร สูง 113 เมตร สร้างโดยพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัยเมื่อราว 2,100 ปีก่อน
ด้านหน้าขององค์เจดีย์ มีวิหารประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์ก่ออิฐถือปูนยาวประมาณ 10 เมตร สวยงามพอสมควร
มีพุทธศาสนิกชนเดินทางมาสักการบูชากันอย่างเนืองแน่นด้วยดอกบัวสีชมพู ดอกสาละ และดอกพุดสีขาว
ที่น่าสังเกตก็คือพวกเขาไม่นิยมจุดธูปเทียนบูชาแต่อย่างใด มีแต่จุดตะไลดินเผาที่บรรจุน้ำมันมะพร้าว
เพื่อบูชา วิหารอิสสุรุมุณิยะ เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
เป็นวัดเล็กในพุทธศาสนาตั้งอยู่ติดกับภูเขาเตี้ยๆ ขนาดเล็กหันหน้าไปทางทิศตะวันออก
มีภาพสลักบนหน้าผา เป็นภาพการเสด็จลงมาจากสวรรค์ของพระแม่คงคา ณ วาลีปุรัม ในอินเดีย
อายุราวพุทธศตวรรษที่ 12 สมัยราชวงศ์ปัลละ จะมีภาพข้างหลังช้างสลักอยู่หลายเชือก
ตรงกลางหน้าผาจะมีรอยแตกมี้น้ำฝนไหลลงมาได้ ถือเป้นการเสด็จลงของพระแม่คงคา
ทางด้านซ้ายมือบนมีภาพสลักผู้ชายนั่งชันเข่าข้างหนึ่งขึ้น เรียกว่าท่า “มหาราชลีลา”
นั่งคู่อยู่กับม้า สันนิษฐานว่าเป็นรูปของท้าวกบิลกำลังนั่งเฝ้าม้าที่จะส่งไปทำพิธีอัศวเมธ
ตัววิหารเจาะสลักเข้าไปในภูผา หน้าวิหารก่อหินเป็นระเบียงและชาลา (ทางเดิน)
ยื่นออกมาเล็กน้อยมีบันไดขึ้นชาลาสลักเป็นรูปคนแคระแบกขั้นบันไดอยู่
สองข้างทางขึ้นมีแผ่นศิลาแกะเป็นรุปทวารบาล “มนุษยนาค” เป็นผู้ชายยืนถือหม้อปรณฆฏะข้างหนึ่งอีกข้างหนึ่งถือดอกบบัว
มีคนแคระเป็นบริวารอยู่ 2 ข้างทาง และมีพญานาค 7 เศียรแผ่พังพานอยู่ด้านหลัง
ภายในมหาวิหารเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหินเข้าไปในผนังภูเขา ห่มจีวรมีริ้ว เป็นพระพุทธรูปรุ่นหลัง ประทับนั่งปางสมาธิ
มีภาพสตรีกับบช้าง 2 เชือก หมายถึง ภาพพระนางสิริมหามายา คือ ปางประสูติ
หรือภาพของคชลักษมี สลักอยู่เหนือกรอบประตู ทางด้านทิศใต้ของวิหาร จะมีวิหารพุทธไสยาสน์ซึ่งสร้างขึ้นใหม
่ ทาสีสอใส รวมทั้งรูปปั้นขององคุลีมาล พระมหินท์ พระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ ผุ้สร้างวัดแห่งนี้
และภาพจิตรกรรมฝาผนังเล่าเรื่องเกี่ยวกับประวัติการสร้างวัดนี้ ออกมาจากตัววิหารจะมีถ้ำเล็กๆตื้นๆมีค้างคาวอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก
ส่งเสียงร้องลั่นอึงคะนึงไปหมดน่าตื่นตาดี อาคารถัดไปพิพิธภัณฑ์ของทางวัด
ซึ่งจัดแสดงโบราณวัตถุที่ค้นพบในเมืองอนุราธปุระ มีอยู่หลายชิ้นด้วยกัน มีอยู่ชั้นหนึ่งคือปฏิมากรรม ” คู่รัก” (The Love )
ได้รับการยกย่องว่ามีความอ่อนหวานน่ารักที่สุดชิ้นหนึ่งของศรีลังกา เจดีย์ถูปาราม เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
เป็นเจดีย์ทางพุทธศาสนาองค์แรกที่สร้างขึ้นในเกาะศรีลังกา โดยพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะทรงสร้างขึ้นในราว พ.ศ. 300
ซึ่งเป็นเจดีย์หรือสถูปทีเก่าแก่ที่สุดในเมืองอนุราธปุระและในเกาะลังกา
เพื่อประดิษฐานกระดูกพระรากขวัญ (ไหปลาร้า) เบื้องขวาของพระพุทธองค์ เจดีย์ถูปารามเดิมสร้างเป็นรูปลอมฟาง
มีเสาหินเรียงรายอยู่ 3 แถว
แสดงว่าเคยมีหลังคาเครื่องไม้มุงกระเบื้องคลุมอยู่อีกชั้นหนึ่งลักษณะเจดีย์แบบนี้ในลังกา เรียกว่า วฎะทาเค
ตั้งอยู่บนลานทักษิณ ทุกคนจะต้องถอดรองเท้าก่อน แล้วเดินขึ้นบันได 8 ขั้นนจึงจะถึงลาน
องค์เจดีย์มีการสร้างซ่อมแซมหลายครั้ง ครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ศ. 2405 มีชาวบ้านขายดอกไม้ ธูปเทียนอยู่ตรงทางขึ้นด้านหน้า
โดยให้เอาเงินใส่กล่องตามกำลังศรัทธา มีพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิในซุ้มทั้ง 4 ทิศ เพื่อให้สักการะบูชา ได้ทั่วทุกทิศ เพื่อความาเป็นศิริมงคล

สระแฝด เมืองอนุราธปุระ ศรีลังกา
สระแฝดมีตำนานว่าสร้างมาตั้งแต่ราวพุทธศตวรรษที่แปด คือประมาณ 1700 กว่าปีแล้ว
วัตถุประสงค์ทีสร้างเพื่อให้พระภิกษุสงฆ์ใช้เป็นที่สรงน้ำ
สระแฝดแห่งนี้มีความยาวมากเป็นสองเท่าของความกว้าง และอยู่ต่อเนื่องกัน มีบันไดลงไปในสระ
ทางด้านท้ายของสระยังมีบ่อขนาดเล็กคล้ายทำขึ้นเพื่อเป็นบ่อตกตะกอน
ข้าใจว่าสระแฝดนี้จะต้องมีท่อระบายน้ำขนาดใหญ่เชื่อมต่อถึงกัน ตัวสระ ขอบสระ
ขั้นบันไดตลอดจนลานกว้างรอบสระกูฏฏัมโปกุณะ ล้วนเป็นหินแข็งแกร่ง
ทางลงบันไดทุกทิศทางมีเสาหินคู่สลักเ ป็นรูปคล้ายหม้อน้ำมีฝาปิด มีลายดอกไม้ใบไม้ ประดับประดาอย่างสวยงาม
ละยังมีประติมากรรมสลักเป็นรูปพระยานาคและหัวสิงห์ที่ทำหน้าที่คุ้มครองสระน้ำ เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
ระยะทางจากมหินตาเลเพียง 89 กิโลเมตรใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เมืองหลวงแห่งนี้ตั้งขึ้นโดยพวกโจฬะในกองทัพพระเจ้าราชราชาที่ 1
จากอินเดียตอนใต้ยกทัพมาเข้ายึดเมืองอนุราธปุระ
แล้วได้ย้ายราชธารนีไปอยู่ที่เมืองโปโลนนารุวะในปีพ.ศ 1560 แต่เดิมเมืองนี้ได้มีกษัตริย์ศรีลังกาหลายพระองค์เสด็จมาประทับ
เช่น พระเจ้าอัคคโพธิที่ 7 (พ.ศ. 1315-1320)
พระเจ้าเสนะที่ 1(พ.ศ. 1376-1396) และพระเจ้าเสนะที่ 5 (พ.ศ. 1515-1525) เป็นต้น
ด้วยเหตุนีเองจึงได้มีการสร้างเทวาลัยถวายพระอิศวรในศิลปะโจฬะปรากฏอยู่ให้เห็น เ
ป็นศาสนสถานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดเล็ก สร้างด้วยหินสีเทา มีสภาพพังทลายไปมากเหลือเป็นเพียงห้องสี่เหลี่ยม 2 ห้อง
คือ ห้องข้างนอกใหญ่กว่า เปิดโล่ง
และห้องข้างในมีขนาดเล็ก เป็นห้องสำคัญเรียกว่า “ครรภคฤหะ” มีศีวลึงค์ตั้งอยู่สำหรับพราหมณ์ประกอบพิธีกรรมที่สำคัญ
คือ “พิธี อภิเษกศิวลึงค์” โดยพราหมณ์จะนำน้ำหรือนมไปราดบนยอดศิวลึงค์
พร้อมสวดมนต์บริกรรม ปล่อยให้น้ำหรือนมไหลลงข่างล่างผ่านฐานโยนีลงท่อโสมสูตร ไหลสู่ด้านนอกตัวอาคาร
เพื่อให้เหล่าขุนนางและประชาชนได้รองรับน้ำศักสิทธิ์เอาไปดื่มอาบกินเพื่อเป็นศิริมงคล
เมืองโปโลนนารุวะเคยเป็นนครหลวงของประเทศศรีลังกาสมัยศตวรรษ ที่ 11-13
ปัจจุบันยังคงมีผลงานทางปฏิมากรรมอันงดงามปรากฎให้เห็นอยู่มากมาย
อนุสรณ์สถานที่สวยงามและใหญ่โตที่สุด คือ ลังกาทิเลเก ทิวันกา และถูปาราม
โดยเฉพาะที่ ทิวันกา มีตัวอย่างภาพเขียนสีน้ำที่ดีที่สุดในยุคโปโลนนารุวะมีสถูปวิหารรังคตและคีรีเวหารกัล
เป็นศาลทำด้วยศิลา มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ 4 องค์ โดย 2 องค์ประทับนั่ง 1 องค์ ประทับยืน และอีก 1 องค์ เป็นพระนอน
ส่วนปฏิมากรรมพารากรรมบาหุแสดงถึงฝีมือสลักหินของชาวสิงหล สำหรับวาตา-คา-เก คือการสร้างสรรผลงานอันมีเอกลักษณ์โดยศิลปินชาวศรีลังกา

สถานที่สำคัญที่เมืองโปโลนนารุวะ
วังหลวงของพระเจ้าปรักกรมพาหุหรือเวชยันต์ปราสาท เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นอาคารก่ออิฐขนาดใหญ่ ตามพงศาวดารจุลวงศ์ เป็นวังสูง 7 ชั้น มีบันไดอิฐขึ้นไป 3 ขั้น
มีร่องรอยว่าในชั้นสูงๆก่อสร้างด้วยไม้ มีห้องน้ำที่มีร่องรอยของสิ่งปฏิกูล
แต่ก็มีวิธีการระบายกลิ่นอย่างแยบยล ชั้นล่างด้านนอกเป็นที่เก็บของและครัว
กล่าวกันว่านอกจากวังที่ยิ่งใหญ่นี้แล้ว พระเจ้าปรักกรมพาหุที่ 1 ยังโปรดเกล้าฯให้สร้างมหาสถูปดามิลา มหาสิยา
ซึ่งถ้าหากสร้างเสร็จในรัชสมัยพระองค์จะสูงถึง 180 เมตร ซึ่งจะเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงที่สุดในโลกในเวลานั้นเ
ป็นรองเพียงปิรามิด ในอียิปต์ใกล้กับวังหลวงมีสระสรงสนาน
มีห้องน้ำและศาสนาที่เสด็จมาทอดพระเนตรพระโอรสพระธิดาสรงน้ำ สระน้ำกุมารา โภคุนัน
มีท่อส่งน้ำฝังดินมาจากอ่างเก็บน้ำปรากรมสมุทร
พระเจ้าปักกรมพาหุ ได้ผ่านพิภพเมื่อ พ.ศ. 1669 นับลำดับรัชกาลเป็นที่ 119 พระเจ้าปักกรมพาหุพระองค์นี้มีอานุภาพมาก
ในพงศาวดารลังกานับว่าเป็นมหาราชพระองค์ 1 ใน 3 พระองค์ปรากฏอยู่ในพงศาวดารลังกามาก่อน
คือ พระเจ้าเทวานัมปิยติสผู้เป็นปฐมพุทธศาสนนูปถัมภกพระองค์ พระเจ้าทุฎฐคามินี
ซึ่งพากเพียรทำสงครามกับพระยาเอฬารทมิฬจนมีชัยได้อิสระคืนแก่ชาวสิงหล อีกพระองค์พระเจ้าปรักกรมพาหุ
ตั้งแต่ได้ราชสมบัติแล้ว ก็พากเพียรปราบปรามนานานิคมชนบทในเกาะลังกา
ซึ่งยังปกครองแตกเป็นต่างพวกต่างเหล่า เข้าไว้ในราชอาณาจักรได้จนทั่วเกาะลังกาแล้ว
ยกกองทัพหลวงข้ามไปปราบปรามเมืองทมิฬในชมพูทวีป จนถึงได้เมืองในปาณฑย ประเทศ
และโจลมณฑลไว้เป็นเมืองขึ้น และในหนังสือพงศาวดารลังกาดังกล่าวว่าพระเจ้าปักกรมพาหุได้ยกกองทัพมาตีเมืองรามัญด้วย
เมื่อเจ้าปรักกรมพาหุปราบปรามศัตรูหมู่ร้ายไว้ในพระราชอำนาจได้สำเร็จแล้ว
ทรงปรากฏถึงสงฆมณฑลในลังกาทวีป ซึ่งพระเจ้าวิชัยพาหุได้ทรงเริ่มต้นทะนุบำรุงขึ้นนั้น
จึงให้ชุมนุมสงฆ์มีพระมหากัสสปเถระ ผู้มีนิวาสถานอยู่ ณ อุทุมพรคีรีวันวิหารเป็นประธาน ทำสังคายนาพระธรรมวินัย
รวบรวมพระสงฆ์เข้าเป็นนิกายเดียวกัน แลให้สึกเหล่าภิกษุซึ่งเป็นอลัชชีเสียจนสิ้นเสี้ยนพระศาสนา
พระสงฆ์ลังกาจึงกลับคืนเป็นนิกายเดียวกันในครั้งนั้น ด้วยพระราชานุภาพของพระเจ้าปรักกรมพาหุมหาราช

วังและท้องพระโรง เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
วังและท้องพระโรงหรือศาลาลูกขุนมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยม ยกพื้น 3 ชั้น ชั้นบนเป็นหลังคาไม้
ซึ่งยังปรากฏเสาหินอยู่ ซึ่งแม้ไม่มีผนังกำแพงแต่เชื่อว่าหลังคาคงลดลงมาต่ำ
ทำให้การประชุมลูกขุนมีความเป็นส่วนตัว กำแพง 3 ระดับแกะเป็นรูปสัตว์อย่างประณีต งดงามมาก
ทั้งช้าง สิงโต และคนแคระส่วนบันไดก็สร้างอย่างงดงาม มีสิงห์หมอบเฝ้าตรงบันได
จากพงศาวดารกล่าวไว้ว่าท้องพระโรงนี้เข้าได้เฉพาะบุคคลระดับสูง มีการจัดที่นั่งเหมือนการประชุมคณะรัฐมนตรีในปัจจุบัน
ด้านหนึ่งของท้องพระโรงแกะสลักบนราชอาสน์ว่าเป็นที่ประทับของพระเจ้านิสสันกมลา

ศิวะเทวาลัย เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
ในเขตวังมีสถานที่บูชาพระสิวะตามศาสนาฮินดู 14 แห่ง ซึ่งสร้างโดยกษัตริย์โจฬะซึ่งยึดครองโปโลนนารุวะ ในศาลามีศิวลึงค์และโยนี

บริเวณอารามของพระบรมมหาราชวัง เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
อยู่เหนือกลุ่มพระราชวังเล็กน้อย ประกอบด้วย สิ่งก่อสร้าง 12 อาคาร ได้แก่

วัฏฏะทาเคหรือวิหารคตวงกลม เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
ซึ่งมีสถูปอยู่กลางบรรจุพุทธศาสนาตั้งแต่เมืองหลวงยังอยู่อนุราธปุระ วิหารนี้ทำเป็นวงกลม 2 ชั้น
มีพื้นที่เป็นหินซ้อนกัน มีเสาหินซึ่งรองรับหลังคาไม้ของอาคารนี้มีบันไดทางขึ้นไปที่ฐานชั้นแรก
บนฐานนี้มีทางเข้าวิหาร 4 ด้าน บนฐานชั้นบนมีสถูปอยู่ตรงกลางรายรอบ 4 ด้านด้วยพระพุทธรูปทรงสมาธิ
ทั้งอาคารเป้นหินแผ่น เชื่อกันว่าพระเจ้านิสสันกมลาเป็นผู้ทรงสร้าง กล่าวกันว่าวัฏฏะทาเคนี้มีความงดงามที่สุดในศรีลังกา

ถูปาราม เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นอาคารที่ยังคงสภาพที่งดงามและได้รับการดูแลรักษาอย่างดี เป็นอาคารก่ออิฐฉาบปูน
มีฐานพระพุทธรูปนั่งซึ่งถูกทำลายไปมีทางเข้าภายในเป็นรูปโค้ง
มีพุทธรูปยืนแกะสลักจากหินปูน มีหน้าต่างที่ส่องสว่างเข้าไปข้างใน ฝาประดับด้วยหิน
เชื่อว่าเป็นการใช้หินอ่อนครั้งแรกๆของโลกภายนอกของอาคารยังปรากฏลวดลายที่งดงาม

ลาตา มัณทะภา เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นอาคารที่มีรูปทรงแปลกแต่สวยงาม จนกล่าวไว้ว่าเป็นสถาปัตยกรรมสไตล์ สไตล์ Rococo ของศรีลังกาที่มานิยมในยุโรปในอีกหลายศตวรรษ
ต่อมาอาคารนี้มีเสาหินที่สวยงามรองรับหลังคาไม้ในอดีต ภายในสถูปมีหลังคาเล้กซึ่งเชื่อกันว่าเคยบรรจุพระบราสารีริกธาตุ
เป็นที่เก็บพระไตรปิฎก และคัมภีร์ต่างๆ ตลอดจนเป็นที่นั่งสวดมนต์ของอุบาสกอุบาสิกา
อาคารนี้กล่าวกันว่าเป็นที่นิยมแทนอาคารทรงกลมแบบวัฏฏะทาเค ก่อนศิลปะสมัยแคนดีและกัมโบล่า
อตาเค เป็นอาคารที่เคยประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ในตอนในชั้นบนของอาคาร เสาหินมีการแกะสลักเป็นพระพุทธองค์ มีรูปแกะสลักเป้นรูปพิทักษ์อาคาร
กล่าวกันว่าอาคารนี้เป็นอาคารหลังเดียวที่สร้างโดยพระเจ้าวิชัยพาหุที่ 1

ฮาตาทาเค เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
พระเจ้านิสสันกมลาสร้างอาคารนี้ ซึ่งตามชื่อบอกว่าสร้างเสร็จ 60 ชั่วโมง ก่อสร้างขึ้นเพื่อประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว
ก่อนนำไปแคนดี ชั้นล่างเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปส่วนชั้นบนประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว

กัลโพธา เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นสิลาจารึกขนาดใหญ่ 8 x 4.25 x 0.5 เมตร กล่าวถึงการที่พระเจ้านิสสันกมลาบุกอินเดีย
และความสัมพันธ์ระหว่างพระองค์กับประเทศต่างๆเชื่อกันว่านำมาจากสิกิริยา เป็นศิลาจารึกขนาดใหญ่ที่สุดของศรีลังกา

สัตตมหาปราสาท เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมทึบก่อด้วยอิฐซ้อนกันขึ้นไปรวม 7 ชั้น จากชั้นที่ 1
จะมีบันไดแนบกับผนังทิศตะวันตกเดินขึ้นไปยังลานชั้นที่ 2 ได้แต่ละชั้นมีซุ้มอยู่ตรงกลาง 1 ซุ้ม
ภายในวุ้มเทวดาปูนปั้นยืนอยู่ด้วยท่าตริภังค์ และยกมือขึ้นข้างหนึ่ง
สัตตมหาปราสาทแห่งนี้เป็นอาคารที่มีรูปทรงแปลกไปจากที่อื่นและมีเพียงแห่งเดียวยในศรีลังกา
แต่ในเมืองไทยมีอยู่ด้วยกันหลายแห่ง ศรีลังกาอาจได้รับอิทธิพลศิลปะทางสถาปัตยกรรมแบบนี้ไปจากเมืองไทยก็เป็นได้
และชั้นล่างของสัตตมหาปราสาทนี้ยังมีร่องรอยเดิมของการก่ออิฐเป้นรูปแปดเหลี่ยม
แล้วจึงสร้างเจดีย์สี่เหลี่ยมครอบทับในภายหลัง กรรมวิธีในการก่อสร้างดังกล่าวสามารถที่จะกำหนดได้ว่ามีอายุช่วงพุทธศตวรรษที่ 18
รวมทั้งประติมากรรมในซุ้มของเจดีย์ลักษณะของสัตตมหาปราสาท
สร้างขึ้นตามกฏเกณฑ์รูปแบบและแผนผังที่ได้กำหนดหรือบังคับไว้ในตำรา ที่เรียกว่า “ศาสตระ”
เป็นศาสนสถานที่จำลองภาพเขาพระสุเมรุเป็นชั้นๆรวม 7 ชั้น
เป็นสัญลักษณ์ของจินตนาการเกี่ยวกับลำดับขั้นของสันฐานของภูเขาแห่งโลก
คล้ายกับรูปแบบของสถาปัตยกรรมหลายแห่งในศิลปะแบบขอมแบบนครวัด ในประเทศกัมพูชา

กลุ่มพระอารามนอกกำแพงเมือง เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา

วิหารกัล ครั้งหนึ่งเรียกว่า
“อุตรอาราม”
เป็นรูปสลักหินแกรนิตขนาดใหญ่ เป็นพระพุทธรูปยืน พระพุทธรูปนั่งปางสมาธิและพระพุทธรูปปางปรินิพพาน
สลักจากภูเขาหินชิ้นเดียวพระพุทธรูปปางนิพพาน มีความยาว 15 เมตร
ซึ่งมีพุทธลักษณะที่งดงาม บ่งบอกความสุขสงบของนิพพาน ขณะที่ พระพุทธรูปยืน หัตถ์ 2 ข้างกอดพระอุรา
มีความงดงามตามแบบพุทธสิลป์แบบอมราวดี จีวรจีบเป็นริ้วคู่ป็นรายละเอียด
รู้จักกันในนามปางอนิมิส โลชนะซึ่งหายากมาก พระพุทธรูปนี้อยู่หน้าต้นโพธิ์ทรงประทับขณะทรงตรัสร
ู้ เป็นการแสดงความคารวะที่ให้ร่มไม้ขณะทรงบำเพ็ญเพียร
ใกล้กันนั้นมีการแกะสลักหินเป็นถ้ำเล็ก เรียกว่า ถ้ำวิทยหาร มีทางเขาที่แกะสลักเป็นนาค
และสิ่งศักสิทธิ์ของฮินดู ข้างในมีพระพุทธรูปอีกองค์หนึ่งเป็นทรงสมาธิ

วิหารลังกาดิลก เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา

เป็นซากโครงสร้างขนาดใหญ่ สร้างด้วยอิฐ มีพระพุทธรูปยืนขนาดใหญ่ซึ่งเป้นพระประธานสร้างด้วยอิฐและปูน
แต่ส่วนบนขององค์พระถูกทำลายไปแล้ว ไม่เหลือพระเศียรและพระกร
ซากเสาวิหารสูง 17 เมตร 2 ข้างแคบไม่มีหลังคา อาคารนี้ใหญ่กว่าถูปาราม
เชื่อกันว่ามีความสูงถึง 5 ชั้น หลังคามีภาพเขียนที่งดงามแต่เลือนหายไปแล้ว

ศรีวิหาร เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นซากอาคารขนาดใหญ่อยู่ทางเหนือของวิหารลังกาดิลก มีสถูปสร้างด้วยปูนสีขาวสด
มีโครงสร้างอาคารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งล้มรอบ เชื่อว่าสร้างโดยพระเจ้าปรากรมทพาหุที่ 1

รันคตวิหารหรือภูเขาทอง เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
รูปทรงคล้ายคีรีวิหารแต่เล็กกว่า เชื่อว่าจำลองมาจากพระมหาสถูปรุวันเวลิในอนุราธปุระ และคีรีวิหารแต่เล็กกว่า มีความสูงประมาณ 55 เมตร
อยู่ในบริเวณวัดอรหันต์ปริเวนะที่เป็นที่ตั้งพระเมรุมาศ ถวายพระเพลิงกษัตริย์และราชวงค์ รันคตวิหารสร้างโดยพระเจ้านิสสันกมลา

มีนิควิหาร เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นซากฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสของสถูป สร้างด้วยอิฐ มีรูปสิงห์ และศิลา จารึกว่าสร้างโดยพระเจ้านิสสันกมลา

พุทธสีมาปรารสาท เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
บริเวณวัดอรหันต์ปริเวนะ ประกอบด้วย วิหารลังกาดิลก วิหารคีรี และพุทธสีมาปราสาท ทั้งหมดนี้สร้างโดยพระเจ้าปรักกรมพาหุที่ 1
พุทธสีมาปราสาทเป็นพระอุโบสถที่พระภิกษุมาประกอบพิธีกรรมต่างๆทุกวันพระ มีทางเข้าพระอุโบสถสี่ด้าน

เดมาลามหาเจดีย์ เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นซากสถูปขนาดใหญ่ซึ่งพระเจ้าปรากรมพาหุที่ 1 ทรงสร้างโดยหวังให้เป็นสถูปที่สูงที่สุดในโลก โดยใช้แรงงานเชลยศึกชาวทมิฬ
แต่สร้างไม่เสร้จก็สิ้นพระชนม์ก่อน ดังนั้นจึงสร้างสถูปเล็กๆบนซากฐานพระมหาสถุปนี้

สระบัว (เนลัม โภคนะ) เมืองโปโลนนารุวะ ศรีลังกา
เป็นสระที่สลักจากหินแกรนิตเป็นรุปดอกบัวแปดกลีบ ซึ่งงดงามมากรอบสระมีกำแพงล้อมรอบ และมีท่อใต้ดินส่งน้ำเข้ามา  

สิกิริยา ศรีลังกา
สิกิริยา เป็นเมืองที่มี "ป้อมปราการระฟ้า" สร้างโดยกษัตริย์กัสปาสมัยศตวรรษที่ 5 ซึ่งอาจจะนับเป็นสิ่งมหัศจรรย์ที่สุดของศรีลังกา
ซึ่งรู้จักกันในชื่อ ไลอ้อน ร็อค หรือ แท่นศิลาราชสีห์เนื่องจากเคยมีสิงห์โตตัวใหญ่
ยืนอยู่บริเวณปากทางเข้าภายในคูรอบป้อม 3 ชั้น มีแท่นศิลายักษ์สูง 500 ฟุต
และบนยอดศิลายังมีฐานรากของพระราชวังอันยิ่งใหญ่ในอดีตและสวนดอกไม้พร้อมสระว่ายน้ำ ที่ทางขึ้นแห่งหนึ่ง
มีรูปวาดสีน้ำของชาวสิงหลเป็นภาพนางอัปสรขนาดเท่าตัวคน
ซึ่งมีสีสันสดใสละเอียดอ่อนอยู่เช่นเดิม สิกิริยา สิกิริยาใช่ว่าแต่จะมีพระราชวังบนยอดเขาที่มีรูปร่างเหมือนสิงโตเท่านั้น
แต่ความจริงแล้วสิกิริยาเคยเป็นวัดพระป่า
เคยมาปฏิบัติธรรมบำเพ็ญเพียรอยู่ในถ้ำต่างๆ ดังปรากฏสถูปและร่องรอยที่ล้างเท้าก่อนเข้าไปในถ้ำ
นอกจากนั้นยังมีสวนน้ำที่นักท่องเที่ยวชาวตะวันตกเคยเปรียบว่าเป็นเหมือนสวนลอยแห่งบาบิลอน
สวนญี่ปุ่นและสวนน้ำของโรงแรมรวมกันมีน้ำพุ มีสวนหินแบบญี่ปุ่นและจีน และสวนนอกชาน
ซึ่งยกระดับหลายชั้นซึ่งสามารถเดินไปถึงทะเลสาบกิริยาได้
ประวัติ เดิมมีพระป่ามาปฏิบัติธรรมตั้งแต่สมัยแรกๆของอนุราธปุระ ในสมัยพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ
เรียกว่า สีหคีรี หรือเขาสิงโต ต่อมาในสมัยราชวงค์ โมริยะ
พระเจ้าธาตุเสนถูกพระโอรส คือ พระเจ้ากัสสปะที่ 1 พ.ศ 1010-1038 กระทำปิตุฆาต
เนื่องจากทรงเกรงว่าพระราชบิดาจะให้พระอนุชาต่างมารดาซึ่งเป็นพระโอรสของพระมเหสี
คือ เจ้าชายโมคคลัลนะขึ้นครองราชย์ กล่าวกันว่าพระเจ้ากัสสปะทื่ 1 นำพระราชบิดาขังไว้ที่ถ้ำใดถ้ำหนึ่งแล้วโบกปูนทับ
หลังจากครองราชยืได้ 7 ปี ก็ย้ายเมืองหลวงมาที่สิกิริยา
สร้างพระราชวังบนยอดเขาสิงห์และสร้างป้อมค่าย เพื่อป้องกันการบุกรุกเข้ามาของพระอนุชา
ซึ่งลี้ภัยไปสะสมกองกำลังที่อินเดีย กล่าวกันว่ากำแพงนั้นสูงมาก
คูเมืองมี 2 ชั้น สามารถปล่อยให้น้ำมาท่วมกองทหารที่บุกเข้ามาได้แต่ 18 ปี หลังจากครองราชย์
เจ้าชายโมคลัลนะก็เสด็จกลับมาพร้อมไพร่พล พระเจ้ากัสสปะเสด็จไปรบนอกเมืองโดยทรงช้าง
แต่ปรากฏว่าช้างตกหล่ม ทำให้พระองค์ทรงชักดาบมาตัดเศียรพระองค์เอง
พระเจ้าโมคคลัลนะทรงกลับมาใช้อนุราธปุระเป็นเมืองหลวงอีกครั้งหนึ่ง และถวายพระราชวังนี้ให้เป็นวัดพุทธสาสนา
ซึ่งก็เป็นวัดต่อมาจนถึงราวศตวรรษที่ 19 ในศตวรรษที่ 19 ในศตวรรษที่ 21-22 ได้เป็นป้อมปราการ
เพิ่งมาพบใหม่โดยอังกฤษในพ.ศ 2396 หลังจากนั้นมีนักท่องเที่ยวมาเยือนแล้วหลายคน

พระราชวังสิกิริยา เชิงเขาสิงห์เป็นที่ราบกว้างใหญ่ มีคูเมืองและกำแพงเมืองทำด้วยดินและอิฐ เมื่อเดินผ่านเข้ามาจะพบสระน้ำ
ประกอบด้วย สระสรงสนานและวังฤดูร้อนสวนน้ำเหล่านี้ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
ยังปรากฏรร่องรอยของความงดงามของสวนลอยแบบบาบิลอน สวนญี่ปุ่น หรือ จีน
และสวนยกระดับเป็นชานขั้นบันไดก้าวสู่ด้านบน มีร่องรอยของวังฤดุร้อนซึ่งคงสร้างด้วยไม้ ทีท่อน้ำส่งน้ำมาจากยอดเขาทะเลสาบ
และมีน้ำพุที่ยังใช้การได้อยู่ ทั้งท่อส่งน้ำใต้ดิน วาล์วปิด ต่อจากสวนนี้ เดินขึ้นบันไดก็จะพบกำแพงกระจกโดยฉาบกำแพงหินด้วยหินปูน
ทำให้สะท้อนภาพคล้ายกับกระจกเงาบนกำแพง กระจกนี้มีโคลงกลอนหรือคำคมคล้ายๆ กับการพ่นสีที่กำแพงของวัยรุ่น เชื่อกันว่าทำกันในศตวรรษที่ 12-15
นับว่าเป็นกราฟฟิติยุคแรกๆ สิกิริยามีชื่อเสียงเกี่ยวกับจิตรกรรมฝาผนังที่โด่งดังระดับโลก ซึ่งเป็นความกล้าหาญของพระเจ้ากัสสปะ ที่ให้วาดภาพอื่นแทนภาษาทางศาสนา
ภาพเฟรสโกนี้เป็นรูปสตรีครึ่งตัว เปลือยหน้าอก ใส่เครื่องประดับทั้งมงกุฏ ต่างหู สายสร้อย ทับทรวง แหวน และกำไล บ้างถือดอกไม้หรือถาดดอกไม้
กล่าวกันว่านางเหล่านี้เป็นมเหสี พระราชิดา นางสนม ฯลฯ แต่บางคนกล่าวว่าเป็นนางอัปสรตามความเชื่อของชาวอินเดียใต้
กำแพงที่มีภาพ ดังกล่าวมีขนาดใหญ่เท่ากับสนามฟุตบอลและน่าเคยมีภาพเช่นนี้กว่า 500 ภาพ แต่ขณะนี้เหลือเพียง 23 ภาพ ภาพทั้งหมดมีขนาดเล็กกว่าตัวจริง
ทางขึ้นยอดเขาเป็นรูปสิงโต ได้มีการเสริมสร้างส่วนต่างๆของลูกเขานี้ให้มีลักษณะคล้ายสิงโตมากขึ้น โดยก่ออิบต่อเติมหรือสลักหิน
ซึ่งเชื่อกันว่าพระเจ้ากัสสปะที่ 1 ต้องการประกาศตนว่าพระองค์เป็นสิงหลที่มาจาก คำว่า สิงโต ทางขึ้นจะชั้นขึ้นและวกวนตามบันไดเหล็กจนถึงพระราชวังลอยฟ้า
ซึ่งสูงประมาณ 200 เมตรจากพื้น ผ่านปากสิงห์ที่ชำรุดแล้ว มีภาพทิวทัศน์เบื้องล่างงดงาม ขนาดของพื้นที่ที่วังประมาณ 10 ไร่
มีทั้งวังชั้นในด้านตะวันตกซึ่งอยู่สูงสุดลงมาข้างล่างทางตะวันออกเป็นวังชั้นนอก มีพระราชอุทยานอยู่ทางใต้กับมีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่ตักหิน ขุดไว้สะสมน้ำใช้
ลักษณะแตกต่างจากการออกแบบวังของอนุราธปุระและโปโลนนารุวะเป็นผลงานทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมชั้นเยี่ยมของโลกเมื่อ 1500 ปีที่แล้ว ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
วัดถ้ำดัมบูลลา” (Dambulla Cave Temple) ที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ.2534 ถือเป็นมรดกโลกแห่งล่าสุดในศรีลังกา สร้างโดยพระเจ้าวาลากัมบา
หรือพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย พระองค์ทรงเคยพำนักในถ้ำที่ดัมบูลลา ช่วงที่พระองค์เสด็จพลัดถิ่นจากเมืองอนุราชปุระ เพื่อเป็นการตั้งหลักก่อนที่จะรวบรวมไพร่พลกลับไปรบกันอีกครั้งหนึ่ง
ต่อมาเมื่อพระองค์ทรงรบชนะ และเสด็จกลับขึ้นครองราชย์ พระองค์ได้ทรงสร้างวิหารศิลาภายในถ้ำ ที่ดัมบูลลานี้ ภายในมีถ้ำทั้งหมด 5 ถ้ำด้วยกัน
มีขนาดใหญ่เล็กแตกต่างกันออกไป ถ้ำทั้ง 5 ถ้ำ มีพระพุทธรูปประดิษฐานทั้งหมด 153 องค์รูปปั้นกษัติรย์ 3 องค์ และ รูปปั้นของเทวีและเทพในศาสนาฮินดูอีก 4 องค์

วัดถ้ำดัมบูลลาประกอบด้วย 5 ถ้ำดังนี้ ถ้ำแรกชื่อว่าถ้ำเทวราชา ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางนิพพานยาว 14 เมตร ประทับบน แท่นหิน มีพระสาวก คือ พระอานนท์กับพระพุทธเจ้าองค์ต่างๆอีก 4 องค์
มีพระศิวะและพระวิษณุ ซึ่งชาวพุทธศรีลังกาก็บูชาด้วย เพราะตามศาสนาฮินดูพระพุทธเจ้าเป็นปางหนึ่งของพระวิษณุ ด้านหน้ามีแผ่นหินสลักภาษาพราหมีเกี่ยวกับประวัติการสร้างถ้ำด้วย

ถ้ำที่สองชื่อว่าถ้ำมหาราชา ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่ง 40 องค์ ประทับยืน 16 องค์ มีเทวดาสมัน วิษณุ มีรูปปั้นของกษัตริย์พระเจ้าวาลากัมบา หรือพระเจ้าวัฏฏคามณีอภัย ผู้ริเริ่มการสร้างวัดถ้ำดัมบูลล่า
รูปปั้นกษัตริย์นิสสังกมัลละ พระโพธิสัตว์เมไตรยะ พระโพธิสัตว์อวโลติเกศวรมีองค์เจดีย์สูงจากพื้นถึงเพดานถ้ำ มีจิตรกรรมที่เล่าเรื่องพุทธประวัติ ตำนานที่พระเจ้าวิชัยเสด็จมาที่ศรีลังกา
การรับพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ การปลูกต้นศรีมหาโพธิ์ และสงครามต่อต้านชาวทมิฬ ฯลฯ เป็นต้น ส่วนน้ำที่หยดลงมาถือว่าเป็นน้ำทิพย์หรือน้ำมนต์ที่นำไปใช้ในพิธีต่างๆ
ถ้ำนี้ถือว่าเป็นถ้ำที่ใหญ่ที่สุด

ถ้ำที่สามชื่อว่ามหาอลุวิหาร ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
ถ้ำนี้สร้างโดยกษัตริย์เมืองแคนดี้พระนามว่าพระเจ้ากิติศรีราชสิงหะโดยคำแนะนำจากพระภิกษุ ภายในถ้ำประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์
ถ้ำนี้มีพระพุทธรูปทั้งยืนและนั่ง 50 องค์ และรูปปั้นเท่าองค์จริงของกษัตริย์

ถ้ำที่สี่ ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปประทับนั่ง สถูปขนาดเล็ก งานแกะสลักพระของถ้ำนี้จะมีความแตกต่างไม่งดงามเท่ากับ ถ้ำที่ 2 และ 3
เพราะเป็นชาวบ้านแกะสลัก และถ้ำมีขนาดเล็ก

ถ้ำที่ห้า ถ้ำดัมบูลลา ศรีลังกา
ขนาดเล็ก ภายในประดิษฐานพระปางไสยาสน์ มีพระพุทธรูปหลายองค์   แคนดี้ ศรีลังกา
แคนดี้ เป็นสถานที่จัดงานเทศกาล "เประแหระ" แคนดี้เป็นเมืองที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลของพุทธศาสนาในศรีลังกา
วัดวาอาราม ในเมืองนี้ยังคงรักษาขนบประเพณีของพุทธศาสนิกชน
แคนดี้ เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์สำหรับพุทธศาสนิกชนในศรีลังกาและทั่วโลก เพราะเป็นที่ตั้งของดาลาดา มาลิกาวา
หรือ วัดพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งประดิษฐานพระทนต์ของพระพุทธเจ้า
เมืองแคนดี้ (Kandy) อยู่บนยอดเขา สูงเหนือระดับน้ำทะเลถึง 500 เมตร เป็นเมืองมรดกโลกอีกแห่งหนึ่งของศรีลังกา
เมืองนี้เคยเป็นที่มั่นสุดท้ายของกษัตริย์สิงหล ก่อนการยกดินแดนให้กับจักรวรรดิอังกฤษใน ค.ศ. 1815
หลังจากที่ได้ต่อต้านชาวโปรตุเกส และชาวดัตช์มานานถึงสามศตวรรษ สุดท้ายก็ต้องยอมพ่ายแพ้ไปในที่สุดเมืองแคนด
ี้ เดิมเรียกว่า ‘ศิริวัฒนานคร’ หรือ ‘สิงหขันธนคร’
ชาวเมืองสิงหลเรียก ‘ขันธะ’ หมายถึงกองหินหรือภูเขา เมื่อฝรั่งเข้าครองเมือง ขันธะ จึงออกสำเนียงตามฝรั่งว่า แคนดิ
หรือ แคนดี้นั่นเอง เมืองแคนดี้ มีบ้านเรือนอยู่มาก แต่ไม่ถึงกับแออัดเท่ากับเมือง โคลัมโบ
ทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น สถานีรถไฟ โรงแรมดี ๆ หลายแห่ง โรงพยาบาล
อากาศเย็นสบายตลอดปี มีแม่น้ำไหลผ่าน มีทะเลสาบกว้างใหญ่
และมีศาสนสถานคือวัดพระเขี้ยวแก้ว อีกทั้งวัดมัลลวะตะ หรือวัดบุปผาราม...
นอกจากนั้นเมืองแคนดี้ยังมีสถานที่สวยงามอีกหลายแห่ง เช่น พระราชวังเก่า,
มหาวิทยาลัยเมืองแคนดี้ (Kandy University) อันเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดใน ศรีลังกา

วัดพระเขี้ยวแก้ว หรือ ดาลาดา มาลิกาวะ Dalada Maligawa www.sridaladamaligawa.lk
วัดพระเขี้ยวแก้ว ถูกสร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าวิมลสุริย์พระองค์ยังได้อัญเชิญพระมอญเข้าไปบวชในแคนดี้
ไม่มีโบสถ์ก็บวชกันที่เกาะกลางแม่น้ำมหาเวลีคงคา มีคนบวชเป็นร้อย
แต่สมัยต่อมาพระเจ้าแผ่นดินทอดทิ้งไม่เอาใจใส่ก็กลับเสื่อมลงอีก
จนถึงสมัยพระเจ้าศรีวิชัยราชสิงหะทรงส่งราชฑูตมาขอสงฆ์เมืองไทยเมื่อลังการเกิดวิกตฤทางพุทธศาสนาคือไม่มีพระสงฆ์
กษัตริย์ลังการู้จากพ่อค้าชาวฮอลันดาว่ามีพระสงฆ์อยู่ในกรุงศรีอยุธยาก็แต่งราชทูตเข้ามาทูลขอคณะสงฆ์ออกไปอุปสมบทแก่ชาวสิงหล
สมเด็จพระเจ้าบรมโกศ ได้ทรงอาราธนาคณะสงฆ์สยาม มีพระราชาคณะคือ พระอุบาลี และพระอริยมุนีเป็นประธานออกไปอุปสมบทแก่ชาวสิงหล
ลักษณะเด่นภายในวัด ประตูกำแพงและลวดลายสลักหินด้านนอกวัด เป็นผลงานของพระเจ้าศรีวิกรมมาราชสิงห กษัตริย์องสุดท้ายแห่งราชวงค์แคนดี้ยัน
ที่ประตูด้านนอกมีภาพแกะสลักช้าง ในประวัติจารึกไว้ว่า นำมาจากส่วนหนึ่งของพระราชวังนเรนทราสิงห ที่เมืองกุนดาสาล
ตามทางขึ้นสู่ตัวตึกด้านในมีภาพพระนางลักษมีแห่โดยขบวนช้างทรง ผินพระพักตร์มทางที่ประดิษฐานพระทันตธาตุ
บนเพดานเป็นภาพเขียนบนปูนหมาดๆ แสดงถึงนรกขุมต่างๆในพุทธศาสนา
ลายสลักแคนดี้ยัน หอประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วเป็นอาคารแปดเหลี่ยม สร้างโดยกษัตริย์องสุดท้ายของแคนดี้
คือ พระเจ้าศรีวิกรมราชสิงหะบนที่ตั้งเดิมที่พระเจ้าวิมาลาธรรมสุริยะสร้างไว้ในรูปทรงเดิม
ตัวอาคาร 2 ชั้น ชั้นบนประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว บานประตูประกอบไปด้วยสิ่งประดับมีค่า
เช่น เงินและงาช้างก่อนถึงห้องชั้นในเป็นห้องแคบๆจุคนได้ไม่เกินยี่สิบ
เป็นห้องปลอดภัย มีม่านสีทองปิดสนิท ไม่มีใครผ่านเข้าไปได้จนกว่าจะได้รับอนุญาต
และห้องนี้แหละเป็นห้องประดิษฐานพระทันธาตุ ในห้องมีแท่นบูชาขนาดใหญ่อยู่หน้าตู้กระจกกันกระสุนภายในตู้มีเจดีย์ทองอยู่ภายใน
บนเจดีย์มีสร้อยสังวาลทองและพลอยประดับอยู่ประมุขของประเทศต่างๆจัดของเหล่านี้มาถวาย เจดีย์ทองคำนั้นครอบอยู่ถึง 7 ชั้น
ชั้นในสุดมีซองห่อหุ้มพระเขี้ยวแก้วอีก 6 ชั้นทุกชั้นเป็นทองและพลอยมีค่า
เช่น ทับทิม มรกต ชิ้นสุดท้ายเป็นงาช้างรูปร่างเหมือนเขี้ยวห่อหุ้มองค์พระเขี้ยวแก้วไว้ภายใน
ด้านข้างมีห้องเก็บคัมภีร์ใบลาน มีห้องสวดมน์หลายห้อง มีพระพุทธรูปจำนวนมาก
รวมทั้งพระพุทธชินราชจำลองและองคือื่นๆจากทั่วโลก นอกจากอาคารแปดเหลี่ยมแล้วยังมีอาคารอื่นอีก
เช่น กุฏิและหอฉัน ซึ่งจัดเป็นระเบียบ การที่พระเขี้ยวแก้วเป็นที่รวมจิตใจของชาวพุทธ
มีความพยายามหลายครั้งที่จะทำลาย เพื่อสามารถครอบครองประเทสนี้ให้ได้อย่างเต็มภาคภูมิ ดังกรณีของโปรตุเกส เมื่อ พ.ศ 2541
กบฏอีแลมใช้รถบรรทุกระเบิดพยายามถล่มวัดนี้แต่ก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายมากนัก
ปัจจุบันมีการดูแลอย่างเข้มงวด และผู้เข้าวัดก็ต้องถูกตรวจอย่างละเอียด
ทุกวันจะมีชาวสีลังกาและชาวพุทธจากทั่วโลกนับหมื่นคนมาสักการะบูชาพระเขี้ยวแก้ว
แต่ช่วงเวลาย่ำค่ำกับย่ำรุ่งของทุกวันเป้นเวลาที่มีการประกอบพิธีบูชา มีการสวดมนต์และตีกลอง

ความเป็นมาของพระเขี้ยวแก้ว แคนดี้ ศรีลังกา

พระพุทธเจ้าหรือสมณะโคดมนั้น มีเวลาปฏิบัติธรรมเพียง 45 พรรษาจึงทรงอธิษฐานว่า เมื่อพระองค์เสด็จปรินิพพานแล้ว
ขอให้พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แตกแยกเป็น 3 สันฐาน เว้นแต้พระธาตุทั้ง 7
นอกนั้นให้กระจายทั่วทุกทิศ เพื่อให้ชาวพุทธมีโอกาสได้อัฐิธาตุของพระองค์ไปอุปัฏฐากบูชา
เมื่อถวายพระเพลิงที่กุสินาราแล้ว โทณพราหมณ์ได้แบ่งพระบรมสารีริกธาตุเป็น 8 ส่วน
ถวายกษัตริย์จากแคว้นต่างๆ เพื่อนำไปบรรจุในสถูปที่ต่างๆ แต่ต่อมาในสมัยพระเจ้าอชาตศัตร
ูและพระเจ้าอโศกมหาราชได้ทรงรวบรวมพระบรมสารีริกธาตุให้มาประทับรวมกันไว้ที่เดียว
ส่วนพระบรมธาตุทั้ง 7 ประการ ซึ่งเป็นแบบที่ไม่กระจัดกระจายนั้น คัมภีร์ระบุไว้ว่าได้มีการนำไปประดิษฐานที่ต่างๆ ดังนี้
1. พระอรุณหิศ (กรามหน้า) ประดิษฐานที่เมืองอนุราธปุระ
2. พระรากขวัญเบื้องซ้าย (ไหปลาร้า) ประดิษฐานอยู่ที่ทุสสเจดีย์บนสวรรค์ชั้นพรหมโลก
3. พระรากขวัญเบื้องขวา ประดิษฐานอยู่ที่พระเกศจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
4. พระขี้ยวแก้วเบื้องล่างขวาประดิษฐานอยุ่ที่เมืองกาลิงคะ แล้วไปที่ศรีลังกาที่แคนดี
5. พระเขี้ยวแก้วเบื้องล่างซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่นาคพิภพ
6. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนขวา ประดิษฐาน อยู่ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์
7. พระเขี้ยวแก้วเบื้องบนซ้าย ประดิษฐานอยู่ที่คันธาระในอัฟกานิสถานต่อมาถุกอัญเชิญไปเมืองฉางอัน ในจีน
โดยหลวงจีนฟาเหียนต่อมานำมาบรรจุที่วัด หลิงกวง นครปักกิ่ง
แต่เดิมพระเขี้ยวแก้วองค์นี้เดิมอยู่ที่แคว้นกาลิงคะหรือรัฐโอริสสาในอินเดียตะวันออก ถูกอัญเชิญมาที่ ศรีลังกา
นอกเหนือจากพระเขี้ยวแก้วแล้วกล่าวกันว่า ศรีลังกายังมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่ตอนจากกิ่งต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่พุทธคยา
ต้นแรกอยู่ที่อนุราธปุระ พระรากขวัญที่ พระมหาสถูปถูปารามที่อนุราธปุระ พระบรมสารีริกธาตุจำนวนเท่าทะนานหนึ่ง
บรรจุที่มหาสถูปรุวันเวลิสิยะที่อนุราธปุระ พระเกศาและเส้นที่ตัดแล้วของพระพุทธองค์ที่วัดคงคาราม
กษัตริย์กุหะศิวะแห่งแคว้นกลิงคะทรงให้พระราชธิดา คือ เจ้าหญิงเหมาลาซ่อนพระเขี้ยวแก้วไว้ในมวยผมแล้ว
หนีออกจากบ้านเมือง ขณะที่พวกฮินดูกำลังได้ชัยชนะ
กัตริย์กุหะศิวะทรงพิจารณาว่าหากพวกฮินดูยึดเมืองได้ก็จะทำลายพระเขี้ยวแก้วนี้ ซึ่งมีเรื่องเล่าว่า
มีครั้งหนึ่งที่พวกฮินดูพยายามทำลายโดยเอาค้อนทุบแต่ฆ้อนกลับแตก
จึงส่งคืนให้ชาวพุทธ เมื่อเจ้าหญิงเหมาลาและเจ้าชายทันตะพระสวามีเดินทางมาถึงศรีลังกา
ก็ได้รับการต้อนรับอย่างดีจากพระเจ้ากิติศิริเมฆวัน โดยทรงสร้างอาคารประดิษฐานพระเขี้ยวแก้วที่โปโลนนารุวะ และมี พิธีการต่างๆ
รวมทั้งการถวายสักการะ แห่ง เปรา-เฮรา และได้กลายเป็นสิ่งศักสิทธิ์ที่สุดของประเทศนี้ กษัตริย์ต้องสร้างวัดพระเขี้ยวแก้วไว้ใกล้วัง
และกษัตริย์ ปัจจุบันพระเขี้ยวแก้วอยู่ในความดูแลของพระภิกษุจากวัดมัลวัตตะและวัดอัสสคีรี
และคฤหัสถ์ที่สืบตระกูลติยะวัฒนา นิลาม เป็นผู้พิทักษ์ไม่มีผู้ห็นพระเขี้ยวแก้วบ่อยนักเพราะถูกปิดผนึกแน่น
จนใน พ.ศ 2358 เมื่ออังกฤษเข้ายึดแคนดี้ได
้ ได้เปิดผอบพิสูจน์ว่าวัตถุสีขาวค่อนไปทางน้ำตาลที่หุ้มด้วยไหมทองคำนั้นเป็นฟันแน่นอน แต่เนื่องจากมีขนาดถึง 5 เซนติเมตร
อังกฤษจึงสงสัยว่าเป็นฟันจระเข้ไม่น่าใช่ฟันมนุษย์ วัดมัลละวัตตะเมืองแคนดี้ หรือวัดพระอุบาลี แคนดี้ ศรี
พระอุบาลีมหาเถระ ผู้สถาปนาอุบาลีวงศ์ในศรีลังกาพระธรรมทูตที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ไทยในพ.ศ. 2295
ในแผ่นดินพระเจ้าอยู่หัวบรมโกษ แห่งกรุงศรีอยุธยา พระองค์ได้จัดส่งพระสงฆ์ไปให้บรรพชาอุปสมบทแก่กุลบุตรชาวศรีลังกา
ตามคำขอร้องของพระเจ้ากีรติศิริราชสิงหะแห่งศรีลังกา ซึ่งส่งราชทูตเข้ามาขอพระสงฆ์ไทยไปศรีลังกา
คณะธรรมทูตไทยมีจำนวน 25 รูปประกอบด้วยพระสงฆ์ 18 รูป สามเณร 7 รูป
โดยมีพระอุบาลีมหาเถระและพระอริยมุนีมหาเถระเป็นหัวหน้า ออกเดินทางโดยเรือกำปั่นฮอลันดาจากกรุงศรีอยุธยา
เมื่อวันขึ้น 10 ค่ำ เดือนอ้าย พ.ศ. 2295 ถึงเมืองตรินโคมาลี อันเป็นเมืองท่าอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะลังกา
เมื่อวันแรม 15 ค่ำ เดือน 6 โดยใช้เวลาเดินทางถึง 5 เดือน 4 วัน ประวัติและผลงานของพระอุบาลีมหาเถร
ะเป็นเรื่องที่อนุชนคนรุ่นหลังควรรับรู้ เพื่อเป็นการระลึกถึงความกล้าหาญของท่านที่ได้ข้ามน้ำข้ามทะเลไปยังศรีลังกา
ดินแดนที่อยู่ห่างไกลจากมาตุภูมิ ซึ่งมีภูมิอากาศ อาหารการขบฉันแตกต่างจากที่เดิม
แต่ท่านได้เดินทางไปเพื่อสืบต่อพระพุทธศาสนาในศรีลังกาให้กลับเจริญเช่นที่เคยเป็นมา ในกรุงศรีอยุธยา
พระอุบาลีมหาเถระพำนักอยู่ที่วัดธรรมาราม
ซึ่งเป็นวัดเล็ก ๆ มีอาณาเขตทิศเหนืออยู่ติดกับวัดท่าการ้อง ทิศใต้อยู่ติดกับวัดกษัตราธิราช
ทิศตะวันออกอยู่ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ทิศตะวันตกอยู่ติดกับถนนบางบาล ตั้งอยู่ที่ ต.บ้านป้อม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา
เจ้าอาวาสรูปปัจจุบันคือพระอธิการประสาท เขมปญฺโญ เมื่อท่านไปถึงศรีลังกาได้พำนักอยู่ที่วัดบุปผาราม
ซึ่งปัจจุบันเรียกว่าวัดมัลวัตตะและเป็นวัดของสังฆนายก คณะสงฆ์นิกายสยามวงศ์ คณะมัลวัตตะ อยู่ตรงกันข้ามกับวัดพระเขี้ยวแก้ว
ซึ่งมีทะเลสาบกั้นกลาง อยู่ในเมืองศิริวัฒนนคร ปัจจุบันคือเมืองแคนด ท่านได้ให้บรรพชาอุปสมบทแก่ชาวศรีลังกาเป็นพระภิกษุ 700 รูป
เป็นสามเณร 3000 รูป ในระยะ 3 ปีที่ออกไปอยู่ในศรีลังกา คือ พ.ศ. 2295-2298
ท่านอยู่ในศรีลังกานั้น ไม่ใช่จะทำหน้าที่แต่การให้บรรพชาอุปสมบทแก่ชาวศรีลังกาอย่างเดียว
แต่ได้ทำการสั่งสอนอบรมประชาชนทุกอย่างเท่าที่ท่านสามารถทำได้ เพื่อให้ชาวศรีลังกาดำเนินชีวิตถูกต้องตามหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า
และท่านยังเป็นผู้ฉลาดในอุบายเครื่องแนะนำอีกด้วย ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ทรงพระราชนิพนธ์ไว้เมื่อครั้งเสด็จไปถึงเมืองแคนดี้ ตอนหนึ่งว่า “เมื่อครั้งพระอุบาลีมหาเถระออกไปอยู่ศรีลังกานั้น
ราษฎรชาวเมืองศิริวัฒนนคร นับถือพระพุทธศาสนากับศาสนาพราหมณ์ปนกันอย
ู่ เมื่อถึงฤดูนักขัตฤกษ์เป็นประเพณีเมือง ที่จะเชิญเทวรูปซึ่งนับถือตามลัทธิศาสนาพราหมณ์ออกแห่ปีละ 1 ครั้ง
พระอุบาลีมหาเถระถวายพระพรพระเจ้ากีรติศิริราชสิงหะว่า พระพุทธศาสนาก็ประดิษฐานมั่นคงในศรีลังกา
การแห่นั้นควรแห่ปูชนียวัตถุทางพระพุทธศาสนาด้วย พระเจ้ากีรติศิริราชสิงหะทรงพระราชดำริเห็นชอบด้วย
จึงให้เชิญพระเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ขึ้นบนคชาธาร (ช้าง) นำหน้าไปในกระบวนแห่
ประเพณีอันนั้นยังมีมาตราบเท่าทุกวันนี้”พระอุบาลีมหาเถระ
รวมทั้งพระสงฆ์สามเณรที่ไปสืบต่อศาสนวงศ์เหล่านั้นเกิดป่วยไข้เพราะผิดอาหารบ้าง ผิดอากาศบ้าง
เพราะว่าเมืองศิริวัฒนนครนั้นอยู่ในหุบเขา สูงกว่าระดับน้ำทะเล 1602 ฟุต
ปรากฏว่าพระสงฆ์มรณภาพเสีย 11 รูป รวมทั้งพระอุบาลีมหาเถระด้วย สามเณรมรณภาพ 2 รูป ในจำนวนพระสงฆ์ 18 รูป
เหลือกลับมาตุภูมิเพียง 7 รูปเท่านั้น
ในพ.ศ. 2298 พระเจ้าอยู่หัวบรมโกษได้ส่งพระสงฆ์ออกไปศรีลังกาอีก 1 ชุด เพื่อผลัดเปลี่ยนชุดแรก
เพราะได้ให้สัญญากับพระสงฆ์ไว้ว่า จะให้อยู่เพียง 3 ปี
พระธรรมทูตไทยชุดที่ 2 ประกอบด้วยพระราชาคณะ 2 รูป คือพระวิสุทธาจารย์และพระวรญาณมุนี
กับพระสงฆ์อันดับ 20 รูปและสามเณร 20 รูป รวม 42 รูป
ออกเดินทางเมื่อวันแรม 10 ค่ำ เดือน 11 พ.ศ. 2298 แต่เรือไปเกยหินโสโครก
แล้วถูกคลื่นกระแทกเสียในทะเลระหว่างเกาะลังกากับอินเดีย
ทำให้พระสงฆ์มรณภาพไป 4 รูป สามเณร 2 รูป ประสบความลำบากแสนสาหัส กว่าจะเดินทางไปถึงเมืองศิริวัฒนนครคือเมืองแคนดี้
แต่ขณะที่พระสงฆ์คณะนี้กำลังเดินทางอยู่ในเกาะลังกานั้น พระอุบาลีมหาเถระก็มรณภาพเสียแล้วในศรีลังกานั่นเอง
พระอุบาลีมหาเถระได้รับการยกย่องนับถือจากชาวศรีลังกามาก
เนื่องจากผลงานหลายประการที่ท่านได้ทำไว้ให้แก่ชาวศรีลังกานี้เอง
และท่านยังได้มรณภาพในประเทศศรีลังกาเพราะการปฏิบัติกิจพระศาสนา
ถ้าจะเปรียบเหมือนนักรบแล้ว ท่านก็เป็นนักรบที่ตายในสมรภูมิโดยแท้ ผู้ที่เตรียมตัวเป็นพระธรรมทูตควรศึกษาปฏิปทาของท่านไว้
เพื่อจะได้เข้าถึงเจตนารมณ์ของการเป็นพระธรรมทูตที่แท้จริง
บริขารและสิ่งของที่ท่านเคยใช้สอยที่ยังเหลืออยู่ ชาวศรีลังกาก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ควรเคารพเช่นกันและได้เก็บรักษาไว้จนทุกวันนี้
ศพของท่านได้เผาที่วัดกิตติเก ซึ่งปัจจุบันได้ก่ออิฐล้อมสถานที่เผาศพท่านไว้
ส่วนอัฐิของท่านถูกบรรจุไว้ที่เจดีย์บนยอดเขาใกล้วัดอัสคีริยะ วัดธรรมารามเป็นวัดโบราณที่ขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน
อยู่ภายใต้การอนุรักษ์ของกรมศิลปากร ตั้งอยู่ที่ อ. บ้านป้อม จ.อยุธยา ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยา
ตรงข้ามกับเจดีย์ศรีสุริโยทัย มีพื้นที่ 25 ไร่ จึงนับว่าเป็นวัดที่ไม่ใหญ่นัก เหตุที่วัดนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานที่กรมศิลป์อนุรักษ์
เพราะมีอาคารเก่าซึ่งในสมัยพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา
เคยเป็นที่อยู่ของพระอุบาลีมหาเถระ สังฆราชาฝ่ายวิปัสสนาธุระ และมีจิตรกรรมฝาผนังที่ยังคงสภาพเดิม ของอยุธยา
ที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหว่างสยามประเทศและเกาะลังกา
เป็นภาพของกลุ่มคณะทูตชาวสิงหล กำลังเข้าพบคณะสงฆ์ ของสยามประเทศ
ในครั้งที่ประเทศลังกาตกเป็นอาณานิคมของโปรตุเกส ดัชท์และอังกฤษนั้นศาสนาพุทธได้ถูกทำลายล้างเป็นเวลาหลายร้อยปีจนในที่สุด
ไม่มีพระภิกษุเหลือ อยู่อีกเลย พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศได้ส่งคณะสงฆ์ของสยามนำโดยพระอุบาลีและพระอริยวงศ์เดิน ทางไปบวชให้ชายชาวสิงหล
โดยใช้เวลาอยู่ในประเทศศรีลังกา
นานพอที่จะบวชพระสงฆ์ ได้หลายพันรูปและตั้งพระอุปัชฌาย์ชาวศรีลังกาเพื่อบวชให้ชาวสิงหลด้วยกันเอง ได้แล้ว
จึงค่อยเดินทางกลับแต่พระอุบาลีผู้เป็นหัวหน้าคณะ ก็มิได้มีโอกาสเดินทางกลับ สยามประเทศ
เนื่องจากอาพาธและมรณภาพที่ประเทศศรีลังกานั้นเอง มีเพียงพระอริยวงศ์ที่กลับมายังสยามประเทศและมรณภาพ
โดยอัฐิของท่าน ได้รับการบรรจุไว้ที่องค์เจดีย์ประธานของวัดธรรมาราม
วัดธรรมารามจึงเป็น โบราณสถานที่สำคัญยิ่งในทางประวัติศาสตร์ด้านความสัมพันธ์ ระหว่างประเทศ
รัฐบาลไทยนำหน่อของต้นพระศรีมหาโพธ์ที่พระนางสังฆมิตตานำมาปลูกไว้ที่ เมืองอนุราธปุระ
มาปลูกไว้ด้านข้างของเจดีย์เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทย-ศรีลังกา
และรัฐบาลศรีลังกาได้ให้ทุนในการบูรณะอาคารเก่าของพระอุบาลีที่อยู่ริมน้ำ
ในวาระครบรอบ 250 ปีของความสัมพันธ์ พระสายสยามวงศ์จากศรีลังกา จะต้องเดินทางมากราบคารวะต่อพระอุบาลีและพระอริยวงศ์
ผู้เปรียบประดุจพ่อผู้ให้กำเนิดแก่พระทุกรูปของสยามวงศ์ พุทธศาสนา จึงกลับมาตั้งมั่นได้อย่างมั่นคงอีกครั้ง ในศรีลังกา
จากประวัติอันยาวนานของวัดธรรมาราม ประกอบกับความสำคัญที่เคยรุ่งโรจน์มาแล้วในอดีต
จึงมีผู้สนใจใคร่จะอนุรักษ์วัดนี้ให้คงอยู่คู่กับชาติไทยต่อไป
เพื่ออนุชนคนรุ่นหลัง จะได้มีโอกาส ศึกษาหาความรู้ยังเป็นอนุสรณ์สถานแด่พระอุบาลีมหาเถระ
และพระอริยมุนีมหาเถระ ผู้เพียรพยามหยั่งรากพระพุทธศาสนาให้ลึกลงในศรีลังกาประเทศอีกครั้งหนึ่ง
ทุกวันนี้ชาวลังกาที่นับถือ พุทธศาสนา เมื่อมีโอกาสมาประเทศไทยจะต้องหาเวลามาเยี่ยมวัดนี้เสมอ
250 ปีนิกายสยามวงศ์ สายสัมพันธ์เถรวาทไทย-ลังกา
ปีพุทธศักราช 2546 เป็นวาระครบรอบ 250 ปีแห่งการประดิษฐานพระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ของศรีลังกา
ซึ่งเป็นนิกายที่ได้รับการอุปสมบทจากคณะสงฆ์นำโดยพระอุบาลีมหาเถระ วัดธรรมารามแห่งกรุงศรีอยุธยา
นับเป็นปัจจัยสำคัญในการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างไทย - ศรีลังกา จนถึงปัจจุบัน
ประเทศไทยและศรีลังกามีความสัมพันธ์อย่างแน่นแฟ้นสืบเนื่องกันมานานกว่า 700 ปี
นับแต่แรกรับนับถือพระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างลังกาวงศ์ในยุคกรุงสุโขทัยจนถึงพุทธศตวรรษที่ 23
พระพุทธศาสนาเถรวาทในศรีลังกาประสบปัญหาสูญสิ้นสมณวงศ์
ไม่มีพระสงฆ์เพียงพอที่จะทำพิธีอุปสมบทกุลบุตรได้ แต่มีสามเณรผู้มีความรู้ทั้งภาษาบาล
ีและคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาอย่างแตกฉานรูปหนึ่งนามว่า สามเณรสรณังการ
ได้กราบทูลพระเจ้าแผ่นดินศรีลังกา ให้ส่งราชทูตมายังประเทศที่พระพุทธศาสนาเถรวาทอย่างลังกาวงศ์เจริญรุ่งเรือง
พระเจ้าศรีวิชัย ราชสิงห์ ส่งคณะราชทูตมาถึงเมืองปัตตาเวียก็สิ้นรัชกาล พระเจ้ากีรติ ศรีราชสิงห์
พระมหากษัตริย์องค์ใหม่ได้ส่งคณะราชทูตอัญเชิญพระราชสาส์นและเครื่องราชบรรณาการมาถวายพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศแห่งกรุงศรีอยุธยา
เดินทางถึงปากน้ำเจ้าพระยา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2294
พระเจ้าอยู่หัวบรมโกศทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯให้จัดคณะสงฆ์ประกอบด้วยพระอุบาลี มหาเถระจากวัดธรรมารามเป็นหัวหน้าคณะ
อัญเชิญพระธรรมคัมภีร์ไปกับคณะราชทูตออกเดินทางสู่ศรีลังกาการเดินทางคราวแรกประสบเหตุขัดข้อง เรือเกยตื้นแต่ก็ได้ออกเดินทางไปอีกครั้ง
ถึงเกาะลังกาในเดือนพฤษภาคมคณะสงฆ์สยามได้ประกอบพิธีอุปสมบทบรรพชาได้พระภิกษุ สามเณร รวมกว่า 3000 รูป การฟื้นฟูสมณวงศ์เป็นผลสำเร็จ
พระพุทธศาสนาเถรวาทฝ่ายสยามนิกายได้ประดิษฐานนับแต่นั้นมาปัจจุบันมีวัดฝ่ายสยามวงศ์ในประเทศศรีลังกาถึง 5500 วัด ในจำนวนวัด 9000 วัดทั่วประเทศ
เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองในวาระครบรอบ 250 ปี ของการสืบต่อพระพุทธศาสนาในประเทศศรีลังกา
รัฐบาลศรีลังกาได้เสนอให้การสนับสนุนงบประมาณเพื่อการบูรณะโบราณสถานในวัดธรรมารามที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระอุบาลีมหาเถระได้แก่ หอพระไตรปิฎก และหอระฆัง โดยรัฐบาลศรีลังกากำหนดการเฉลิมฉลองไว้ในเบื้องต้นในเดือนพฤษภาคม 2546
วันที่ 22 พฤษภาคม 2545 ได้มีพิธีลงนามในบันทึกความเข้าใจ ระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและศรีลังกา เรื่องการบูรณะวัดธรรมาราม
โดยรัฐบาลศรีลังกายินดีสนับสนุนเงินจำนวน 3,440,000 บาท สำหรับการบูรณะหอพระไตรปิฎกและหอระฆัง และรัฐบาลไทย โดยกรมศิลปากร
จัดสรรเงินอีกจำนวน 1,000,000 บาท เพื่อการสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งพังทลายวันที่ 31 สิงหาคม 2545 ได้มีพิธีเปิดโครงการบูรณะวัดธรรมาราม
โดยมี นายปองพล อดิเรกสาร รองนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น เป็นประธานฝ่ายไทย ฝ่ายศรีลังกามีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพุทธศาสนาพระสังฆราช
และผู้แทนระดับสูงทั้งฝ่ายสงฆ์และฝ่ายฆราวาสมาร่วมพิธี ทั้งนี้ กรมศิลปากรได้เริ่มดำเนินการบูรณะเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2545
กำหนดงานแล้วเสร็จภายในเดือนเมษายน 2546 เพื่อให้ทันการเฉลิมฉลองในเดือนพฤษภาคม 2546
ในวาระอันสำคัญยิ่งนี้ รัฐบาลไทยและรัฐบาลศรีลังกา ได้ร่วมกันจัดกิจกรรมเฉลิมฉลอง 250 ปี พระพุทธศาสนานิกายสยามวงศ์ของศรีลังกา
ประกอบด้วยพิธีการรับมอบระฆังจากศรีลังกา เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ณ วัดธรรมารามจังหวัดพระนครศรีอยุธยา
โดยมี นายสนธยา คุณปลื้มรมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เป็นประธานฝ่ายไทย
และนายราชจิต มานดูมา บานดารา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาการท่องเที่ยว เป็นประธานฝ่ายศรีลังกา
นอกจากนั้นยังมีการจัดงานวันวิสาขบูชาใน 2 ประเทศ เมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม 2546
ด้วยสายสัมพันธ์ของคณะสงฆ์และพุทธศาสนิกชนชาวไทยและศรีลังกา พระพุทธศาสนาเถรวาทลังกาวงศ
์และสยามวงศ์จะเจริญยั่งยืนชั่วกาลนาน ..   วัดเกลานียา เมืองโคลัมโบ ศรีลังกา
วัดกัลยาณีมีชื่อเสียงอีกอย่างหนึ่งว่า วัดเกลาณียา ถือกันว่าเป็นวัดที่ใหญ่ที่สุดในศรีลังกาเช่นเดียวกับ เป็นวัดสำคัญอันดับหนึ่ง
ก่อนเข้าวัดทุกคนต้องถอดรองเท้าเดินเท้าเปล่าเข้าไป
ไม่ว่าพระมหากษัตริย์ ประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีก็ต้องถอดตามประเพณี และสิ่งที่ดูแล้วแปลกตาคือแม่ชีที่นี่จะห่มผ้าสีเหลืองเหมือนกับพระ
คนไทยจะเรียกชื่อว่า วัดกัลยาณีราชมหาวิหาร อยุ่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 11 กม ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเกลานี อยู่บนฝั่งซ้ายของแม่น้ำ
ซึ่งไหลลงมาจากยอดเขาศรีปาทะ
เป็นวัดที่สำคัญและมีขนาดใหญ่ที่สุดในเขตชานเมืองโคลัมโบ มีพื้นที่ราว 100 ไร่
ตั้งอยู่บนเนินสูง มีเจดีย์สีขาวขนาดใหญ่มากสูง 30 เมตร ทรงระฆังคว่ำ
ตั้งตระหง่านเด่นเป็นสง่าตรงใจกลางของวัด สร้างครอบรัตนบัลลังก์ที่กษัตริย์ศรีลังกาสร้างถวายพระพุทธเจ้า
ซึ่งชาวศรีลังกาเชื่อกันว่า พระพุทธเจ้าเคยเสด็จมาประทับที่นี่ในสมัยพุทธกาล
ทางเข้าวัดมีซุ้มประตูโค้งสีขาว เดินตามพื้นทรายสะอาดสะอ้านดี ผ่านลานวัด
เจดีย์ขาวขนาดใหญ่ไปยังวิหารซึ่งเป็นจุดที่น่าสนใจที่สุด ทุกคนจะต้องถอดรองเท้า
ถอดหมวก แว่นตากันแดดออกก่อนขึ้นบันใดเพื่อเข้าไปในตัวอาคารข้างใน เป็นการเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ตรงเชิงบันได 2 ข้าง มีรูปปั้นสิงโต มีหัวเป็นช้าง อิทธิพลมาจากทางศิลปะอินเดีย
พร้อมทั้งอัฒจันทร์รูปครึ่งวงกลมอยู่ตรงเชิงบันไดขั้นแรกทางเข้าวิหาร เมื่อก้าวเข้าไปในตัววิหารจะรู้สึกเย็น และค่อนข้างมืด
ห้องด้านขวามือเป็นที่ประดิษฐ์พระพุทธไสยาสน์ ปางปรินิพพานองค์ขนาดใหญ่มีผ้าม่านโปร่งบางกั้นไว้ด้านหน้า ซึ่งในศรีลังกานิยมทำกันมาก
ดูแล้วแปลกตาห้องโถงตรงกลางจะประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งปางสมาธิ มีผ้าม่านกั้นไว้ด้านหน้าเช่นเดียวกัน ฉากหลังเขียนเป็นภาพเทือกเขาหิมาลัย
มองเห็นแล้วน่าเลื่อมใสยิ่ง ที่น่าสนใจมากก็คือ ภาพจิตรกรรมฝาผนังเขียนด้วยเทคนิคแบบเฟรสโก(เขียนขณะปูนยังเปียกอยู่
สวยงามทรงคุณค่า เขียนเป็นภาพเรื่องราวต่างๆในพุทธสาสนา ชาดกต่างๆ โดยรอบประมาณ 45 ภาพ เช่น

ภาพเจ้าชายทันตกุมารกับเจ้าหยิงเหมมาลา นำพระเขี้ยวแก้วซ่อนไว้ในมวยผม หนีภัยสงครามจากอินเดียตอนใต้มายังเกาะลังกา
ภาพพระสังฆมิตตาเถรี ราชธิดาของพระเจ้าอโศกมหาราชนำต้นศรีมหาโพธิ์ จากพุทธคยามายังเกาะศรีลังกามีพระเจ้าเทวานัมปิยะติสสะ เสด็จลุยน้ำไปรับถึงเรือ
ภาพพระเจ้าเกียรติศิริราชสิงหะขณะที่ทรงสถาปนาแต่งตั้งให้พระสรนังกรดำรงสมณศักดิ์เป็นสมเด็จพระสังฆราชแห่งศรีลังกาฝ่ายสยามวงศ์หรืออุบาลีวงศ์
ภาพพระพุทธโฆษาจารย์กำลังน้อมรับคัมภีร์ทางพระพุทธศาสนาจากพระหัตถ์ของสมเด็จพระสังฆราชพระประธานประจำวิหาร
พระประธานนี้สร้างด้วยหินฝีมือพม่า หน้าตักประมาณ สอง ศอกเศษวิหารลังกานั้นทำคล้ายตึกฝรั่ง
แต่แบ่งเป็นสามตอนกลางพระประธานเฉลียงซ้ายพระนอน เฉลียงขวามีมณฑปแปดเหลี่ยมเป็นที่ประดิษฐ์ฐานพระบรมธาตุ
วัดคงคาราม เมืองโคลัมโบ ศรีลังกา

เป็นวัดที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบ เบยรา มีอายุเก่าแก่กว่า 120 ปี เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ โรงเรียนสอนพุทธศาสนาวันอาทิตย์ ว
ัดนี้ก่อตั้งโดยพระนักวิชาการชื่อว่า Venerable Hikkaduwe Sri Sumanagala Nayaka Thera ผู้ก่อตั้ง Vidyodaya Pirivena
แต่เดิมเป็นโรงเรียนสอนสำหรับพระภิกษุสงฆ์เท่านั้น
แต่ปัจจุบันกลายเป็นมหาวิทยาลัยชื่อว่า Sri Jayewardenapura University ท่านได้แต่งตั้งผู้ดูแลแล้ว ก็ได้มาจัดตั้งวัดเล็กๆ แห่งนี้ คือวัดคงคาราม
ปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์ รวบรวม โบราณวัตุ คำภีร์ทางพระพุทธศาสนา พระพุทธรูป พระเกศาธาตุ พระบรมสารีริกธาตุ ฯลฯ
โคลอมโบ ศรีลังกา
ถ้าคุณมีโอกาสขับรถเข้าสู่กรุงโคลอมโบคุณจะพบย่านการค้าที่พลุกพล่านพร้อมกับต้นไม้
ที่ปลูกไว้เรียงรายมีอุทยานสวนซินนามอน คุณสามารถแวะชม "ฟอร์ต" สถานที่ๆ เคยเป็นศูนย์กลางบริหารงาน
และที่ตั้งกองทหารชาวอังกฤษในอดีต "ถนนซีสตรีท"
เป็นศูนย์รวมร้านขายทองคำในใจกลางเพททาร์ย่านบาซาร์ ซึ่งมี วิหารฮินดู สร้างด้วยหิน
และสลักอย่างประณีตบรรจงและมีโบสถ์ วูลฟ์เฟนเดลของชาวดัชที่สร้างในปี ค.ศ. 1749
สำหรับโบราณสถานที่ควรค่าแห่งการไปเยือนในอุทยานสวนซินนามอนคือ สุเหร่าดาวาตากาฮาและโรงพยาบาลจักษุ
นอกจากนี้ หากมีโอกาสควรแวะศูนย์ประชุม BMICHเพื่อชมพระพุทธรูปจำลองของพระอวัคนะ และจตุรัสแห่งอิสรภาพ

เมืองกอล ศรีลังกา
กอล เป็นเมืองที่มีความน่าสนใจในแง่ประวัติศาสตร์มากที่สุดของศรีลังกาสร้างบนโขดหินทางตอนใต้ของเกาะเคยเป็นเมืองท่าสำคัญเมื่อ 100 ปีก่อน
ปัจจุบันนี้ยังคงรับส่งสินค้าและเป็นท่าจอดเรือ มีป้อมปราการรวมถึงสถาปัตยกรรมที่สร้างสมัยอาณานิคมของชาวดัช
และมีบรรยายกาศสมัยเมื่อครั้งเป็นศูนย์กลางการปกครองของชาวดัชในศตวรรษ ที่ 17-18
นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการทำผ้าลูกไม้ อัญมณี และงานแกะสลักไม้

รัตนะปุระ ศรีลังกา
เป็นเมืองอัญมณีของประเทศศรีลังกา ซึ่งมีชื่อเสียงมานานนับศตวรรษในด้านมรกตอันประเมินค่ามิได้
เช่น ทับทิม เพชรตาแมว อเล็กซานไดรท์ และพลอยสีต่างๆ
ส่วนกรรมวิธีในการขุดแร่การตัดแต่งและการเจียระไน เพชรพลอยผู้คนยังคงทำกันในแบบโบราณดั้งเดิม
มีพิพิธภัณฑ์อัญมณีหลายแห่งที่แสดงนิทรรศการอัญมณีทั้งที่ยังไม่ได้เจียระไน
และที่เจียระไนแล้ว ประเทศศรีลังกามีชื่อเสียงมาช้านานในฐานะเป็นเกาะแห่งอัญมณีมี
ตำนานเล่าว่า กษัตริย์โซโลมอนได้ส่งอัญมณีจากเกาะลังกาเป็นของกำนัลแก่ราชินีแห่งชีบ้า
และในทางประวัติศาสตร์ก็จารึกไว้ว่ามาร์โคโปโลได้พรรณาถึงทับทิมเม็ดใหญ่ของกษัตริย์แห่งศรีลังกา

เมืองมิหินเทล ศรีลังกา
อยู่ห่างจากอนุราธปุระไปทางตะวันออกประมาณ 11 กิโลเมตร เป้นจุดเริ่มต้นของพระพุทธศาสนาในศรีลังกา
โดยพระมหินทเถระได้เดินทางกลับมาถึงที่นี่ในวันเพ็ญกลางเดือนมิถุนายน
และพบพระเจ้าเทวนัมปิยะทิสสะกับบริวารมากมายซึ่งได้แสดงธรรมประกาศศาสนาที่นี่เป้นครั้งแรก
ดังนั้นทุกวันเพ็ญเดือน 6 ชาวศรีลังกาจะเดินทางมาจาริกแสวงบุญที่อนุราธปุระและมหินเทล
เนื่องจากเขามิสสากะ สูงประมาณ 180 เมตร จึงมีบันไดขึ้นไป มีวัดและถ้ำ 68 แห่ง
ที่พระเจ้าเทวนัมปิยะทิสสะสร้างถวายพระสงฆ์ เมืองนี้มีโรงพยาบาลอยู่ตรงเชิงเขา
ซึ่งยังปรากฏการสลักหินเป้นรุปคนเพื่อให้คนไข้ได้ไปแช่ตัวในน้ำยาเพื่อรักษาสารพัดโลก มีหินจารึกตำรายาและขวดหินเพื่อบรรจุยา มีอาคาร
สันนิษฐานว่าเป็นวัดขนาดใหย่ ที่พื้นของอาคารมีการแกะสลักหิน มีหินแกะสลักเป้นผู้พิทักษ์อาคารมีบันไดขึ้นไป 1840 ขั้น
จนถึงข้างบนซึ่งเป้นที่ตั้งของคันทากะ
เจดียืหรือมหาสถูปมีเส้นรอบวงประมาณ 130 เมตร มีส่วนสูงที่ยังเหลืออยู่ประมาณ 12 เมตร
มีถ้ำซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่พักสงฆ์มีหอฉันเป้นรุปสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 20 x9 เมตร
ล้อมรอบด้วยห้องเก้บพัสดุ มีท่อส่งน้ำ ตรงทางเข้ามีศิลาจารึกระบุระเบียบการเข้าพีกที่วัดนี้รวมทั้งค่าใช้จ่ายที่จะต้องเบิกประจำเดือน
อีกด้านหนึ่งเป้นห้องประชุมสงฆ์เพื่อศึกษาพระธรรมและพระวินัย มีขนาดกว้างถึง 20 เมตร มีเสาหิน 48 ต้น
ด้านตะวันออกของหอฉันเป็นสถูปขนาดเส้นรอบวงประมาณ 20 เมตร
ใกล้ยอดเขา มีสถูปอัมบัสทารา สร้างโดยพระจ้าโมคคัลาติสสะมีวากวิหารคตรอบสถูป
เชื่อกันว่าบรรจุอัฐิของพระมหินทวึ่งกลายเป็นพระอรหันต์ใกล้ๆ กันนั้นมีถ้ำที่พระอรหันต์มหินทจำพรรษาอยู่

เมืองนิกอมโบ ศรีลังกา
นิกอมโบ เป็นหมู่บ้านประมงที่มีชื่อเสียงทางตอนเหนือของกรุงโคลอมโบมีคูคลองที่สร้างโดยชาวดัช
ซึ่งเป็นสถานที่ๆ ชาวประมงมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ
ด้วยการล่องไปบนเรือที่ทาสีสันสดใสเมื่อมองไปตามฝั่งคลอง จะพบเห็นบ้านเรือนต่างๆ โบสถ์
รวมถึงนกแก้ว เราอาจจะล่องเรือไปในทะเล หรือไปตามลำคลองก็ได้
ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ถึงเมษายน ของทุกปีจะมีกิจกรรมการดำน้ำ ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ด้วย
บน 2 ฟากถนนในเมืองนี้มีโรงแรมและร้านค้าขายของที่ระลึกตั้งเรียงรายไปตลอดทาง

เมืองนัวเรอเอเลีย ศรีลังกา
นัวเรอเอเลีย ได้ชื่อว่าเป็นเมืองอังกฤษจำลองของประเทศศรีลังกา เป็นเมืองที่มีฉากหลังอันงดงาม
ตั้งอิงอยู่กับเทือกเขา หุบเขา น้ำตก และสวนปลูกใบชา นับเป็นเมืองที่มีอากาศเย็นที่สุดบนเกาะ
ที่จริงแล้วมีอุณหภูมิคล้ายกับฤดูใบไม้ผลิในประเทศอังกฤษ แม้ว่าอุณหภูมิช่วงค่ำจะลดลงบ้างก็ตาม
คุณสามารถจะพบ หลักฐานที่แสดงถึงอิทธิพลของชาวอังกฤษ ในบริเวณโดยรอบสถานที่แห่งนี้
เช่นบ้านเรือนที่ปลูกสร้างคล้ายกระท่อมในป่า หรือคฤหาสน์ที่สร้างในสไตล์พระราชินีแอนน์

ยอดเขาศรีปาทา ศรีลังกา

พระพุทธบาทซึ่งได้รับการเคารพจากทุกศาสนา โดยชาวครีสต์เรียกว่าอดัมพิคส์ ชาวฮินดูบอกว่าเป็นพระของพระศิวะ เรียกว่า ศิวะนาคิ ปาดัม
และอิสลามบอกว่าเป็นของอัลล่าห์ เรียกว่า สามานารา กันดา อยู่บนยอดเขาสุมนกุฏ สูงประมาณ 2180 เมตร
ผู้แสวงบุญจากทุกศาสนาจะปีนขึ้นเขานี้ในวันเพ็ญเดือนธันวาคมจนถึงวันเพ็ญเดือนเมษายน
ผู้แสวงบุญเริ่มต้นเดินทางจากนาราทันนี แล้วเดินเท้าเข้าไปอีกเกือบ 7 กิโลเมตร
ผ่านไร่ชาและเทือกเขาที่สูงชันผู้แสวงบุญมักเดินทางขึ้นเขาตอนกลางคืนเพื่อเห็นพระอาทิตย์ขึ้น
ซึ่งมีลักษณะพิเศษที่เรียกว่า “ ฮิรู เสวายา “จุดแรกที่พักเหนื่อยเรียกว่า “ซีทา กันคูรา”
ที่ผู้แสวงบุญอาจอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายก่อนปีนเขาต่อไป ช่วงนี้เป็นบันไดที่ทำให่ง่ายต่อการขึ้นเขา
แต่บางช่วงก็ต้องปีนป่ายด้วยความยากลำบากก่อนถึงจุดที่สองเรียกว่า “ ไอคิคาทุปนา
ซึ่งตามประเพณีสิงหลต้องมีการสนเข็ม ส่วนที่พักอื่น ได้แก่ เกทัมปานา และ หิรามมิตติปานา
จุดที่ปีนยากลำบากที่สุด เรียกว่า มหาคีรีธัมบายา บนยอดเขามีศาลและพระพุทธบาท
ซึ่งมีหลังคาคลุมอยู่ หลังจากสักการะพระพุทธบาทแล้ว ผู้แสวงบุญจะต้องตีระฆัง ตามคำภีร์โบราณ
พระพุทธองค์ยังประทับรอยพระพุทธบาทอีกบนฝั่งแม่น้ำนามาดา เทือกเขาสักกะพุทธ สมันตะคีรี และยนคะปุระ
หลังจากเสด็จประทับที่เกลานียะ วัดนาควิหาร ศรีลังกา
วัดนี้สร้างเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสด้วยอิฐซึ่งแตกต่างจากอาคารอื่นกล่าวว่าวัตถุนี้สูงถึง 7 ชั้น คล้ายกับอาคารโปลนนารุวะ (สัตตปราสารท)
วัดนี้มีชื่อเสียงที่พระวัดนี้รูปหนึ่งไปใส่ร้ายพระเจ้าทุฏฐะคามุณี ขณะที่รบแพ้ พวกทมิฬ
เมื่อพระองค์สามารถกู้เอกราชได้ก็สั่งให้รื้อวัดนี้และสร้างวัดมหายานขึ้นแทนที่


เรื่องที่ควรรู้ก่อนไปเที่ยวศรีลังกา

ภูมิศาสตร์ ศรีลังกา

เป็นเกาะรูปร่างคล้ายลูกแพร ไข่มุก หรือ หยดน้ำมีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 24 ของโลก มีพื้นที่ 65610 ตารางกิโลเมตร
(เล็กกว่าไทย 8 เท่ามีความยาวจากเหนือจรดใต้ 434 กิโลเมตร
มีความกว้างจากตะวันออกถึงตะวันตก 225 กิโลเมตร มีชายฝั่งทะเลยาว 1330 กิโลเมตร
ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดียห่างจากประเทศอินเดีย 35 กิโลเมตร
มีช่องแคบพอล์ก Polk ขวางกั้นอยู่และมีหมุ่เกาะอาดัมส์เรียงตัวเป็นแนวยาวเกือบเชื่อมต่อกัน เรียกกันว่า
สะพานอาดัมส์ Adam Bridge ลักษณะเป็นแนวหินปะการังน้ำตื้นคล้ายสะพาน

ภูมิอากาศ ศรีลังกา
เป็นแบบประเทศเขตร้อนชื้นอุณภูมิเฉลี่ย 27 องศา เซลเซียสตลอดปี เมืองแคนดี้สูงจากน้ำทะเล 305 เมตร
มีอุณภูมิเฉลี่ย 20 และเมืองนูวาระ เอลิยะ สูงจากน้ำทะเล 1890 เมตร
มีอุณภูมิเฉลี่ย 16 องศาเซลเซียส มีมรสุมในระหว่างเดือนพฤษภาคมถึงกรกฎาคม ภูเขา ยอดที่สูงที่สุดชื่อว่า
“ ปิดูรูทาละกาลา “ สูง 2524 เมตร
มีเทือกเขาสลับซับซ้อนตอนกลางประเทศ ประกอบด้วยไร่ชา และป่าไม้อันงดงาม ซึ่งมีอากาศเย็นตลอดปีเหมือนกับอังกฤษ

แม่น้ำ ศรีลังกา
แม่น้ำที่ยาวที่สุดคือ “ มหาเวลิ “ Mahaweli ยาว 412 กิโลเมตรไหลจากทางตอนใต้ของเกาะ
บริเวณที่รอบสูงแคนดี้ลงสู่ทางเหนือ ออกสู่ทะเลที่ตริงโกมาลี

ประชากร ศรีลังกา
ประชากร 20 คน เฉลี่ย 305 คนต่อตารางกิโลเมตรหนาแน่นที่สุดในเอเชียประเทศหนึ่ง ทุกคนเรียนฟรี
รักษาพยาบาลฟรี อัตราผู้รู้หนังสือ 92 % เป็นอัตราที่สูงที่สุดในเอเชียประเทศหนึ่ง
อายุเฉลี่ยของผู้หญิงค่อนข้างอายุยืนคือ 74 ปี ส่วนผู้ชาย 69 โดยแบ่งออกเป็น 4 เชื้อชาติ
คือ สิงหล 74 เปอร์เซ็น ทมิฬ 18 เปอร์เซ็น มุสลิม 7 เปอร์เซ็น
ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวมัวร์ Moors คนยากจน หลังจากเกิดมหันตภัยคลื่นยักษ์สึนาม
ิ เมื่วันที่ 26 ธันวาคม 2547 ทำให้มีคนยากจนเพิ่มมากขึ้นอีกถึง 2 แสน 8 หมื่นคน หรือมีอัตราเพิ่มขึ้น 26.6 เปอร์เซ็นต์

เมืองหลวง ศรีลังกา
เมืองหลวงอย่างเป็นทางการคือ “ ศรีจายะวาเดเนปุระ “ Sri Jayawardenepura
ส่วนโคลัมโบเป็นเมืองหลวงทางการเมืองการเศรษฐกิจ และสังคม มีประชากรราว 3 ล้านคน

ภาษา ศรีลังกา
ที่ใช้พูดกันคือ สิงหล ทมิฬ และ อังกฤษ ภาษาทางราชการคือสิงหล ภาษากาย การส่ายหน้า หมายถึง ใช่ หรือ ตกลง

ศาสนา ศรีลังกา

พุทธ 69 เปอร์เซ็นต์ ฮินดู 15 เปอร์เซ็นต์ คริสต์ 8 เปอร์เซ็นต์ อิสลาม 8 เปอร์เซ็นต์

เวลา ศรีลังกา
เร็วกว่าเวลามาตรฐานกรีนิช 5 ชั่วโมง (ช้ากว่าไทย 1 ชั่วโมง)

รายได้หลัก ศรีลังกา
มาจากการเกษตรคือ ชาซีลอน ข้าว ยางพารา มะพร้าว ไข่มุก เครื่องเทศ เช่น อบเชย
และอัญมณีคือ ไพลิน หรือ บลูแซฟไฟร์ Blue Sapphire รองลงไปได้แก่ เสื้อผ้า การขายแรงงานในตะวันออกกลาง และการท่องเที่ยว

ตลาดส่งออกหลัก ศรีลังกา

สิ่งทอ เสื้อผ้า คือ สหรัฐอเมริกา อังกฤษ และ ญี่ปุ่น

เงินตรา ศรีลังกา
ศรีลังการูปี (1 รูปีมี 100 เซ็นต์ ) ธนบัตรมีใบละ 10,20,50,100 200,500 และ 1000
ส่วนเหรียญมี 25,50 เซ็น 1,2,5 และ 10 รูปปี 1 ยูเอสดอลล่าร์ แลกได้ 110 รูปี หรือคิดเป็นเงินไทยง่ายๆ คือ 100 รูปี เท่ากับ 35 บาท

การปกครอง ศรีลังกา
แบบสาธารณรัฐ มีประธานาธิบดีเป็นประมุข ชื่อว่า นางจันทริกา บันดาราไนยเก กุมาราตุงคะ
มีนายกรัฐมนตรีเป็นหัวหน้ารัฐบาลชื่อ นายรานิล วิกรมสิงเห
ศรีลังกานั้นเคยเป็นเมืองขึ้นของโปรตุเกส ฮอลันดา และอังกฤษ
สังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกา Democratic Socialist Republic of Srilanka

เทศกาลสำคัญ “เพราเฮรา” Perahara หรือเทศกาลแห่พระเขี้ยวแก้ว ศรีลังกา
จัดขึ้นในเดือนกรกฏาคมถึงเดือนสิงหาคมของทุกปี เพื่อขอพร ขอฝน มีช้างร่วมขบวนกว่า 100 เชือก
ประชาชนเดินพาเหรด 1000 คน เต้นรำ รำคบไฟ มีสืบทอดกันมายาวนานหลายร้อยปี จัดที่เมืองแคนดี้

ขนบธรรมเนียมประเพณี ศรีลังกา

จะถอดร้องเท้าก่อนเข้าสถานที่ ศักดิ์สิทธิ์ และเข้าบ้านพักอาศัย สตรีจะสวมกระโปรงยาว หรือกางเกงหลวม เสื้อผ้าฝ้ายหลวมๆ
ชาวศรีลังกายังนิยมรัปประทานอาหารด้วย มือขวา หรือทั้งสองมือจึงจะถือว่าสุภาพ การแสดงความเคารพจะใช้วิธีพนมมือไหว้เหมือนคนไทย

วันสำคัญ “พอซอน อูดาวา “ Poson Udawa ศรีลังกา
เป็นวันขึ้น 15 ค่ำเดือนมิถุนายน เป็นวันที่พระมหินท์แสดงธรรมให้กับพระเจ้าเทวานัม ปิยะติสสะที่มหินตาเล
ใกล้กับเมืองอนุราธปุระเป็นครั้งแรก มีประชาชนมาร่วมงานเป็นแสนคนทุกๆปี

วีซ่า ศรีลังกา
คนไทยทำวีซ่า คิดค่าบริการ ท่านละ USD 30 www.eta.gov.lk

ศุลกากร ศรีลังกา

อนุญาตให้นำเข้าเหล้าคนละไม่เกิน 2 ลิตร ไวน์ 2ขวด บุหรี่ 20 มวน ซิการ์ 50 มวน น้ำหอมตามความเหมาะสม
หากมีเงินสดเกิน 10000 เหรียญสหรัฐ จะต้องแจ้งดีแคลร์ Declare ต่อเจ้าหน้าที่ ส่วนขาออกจะเข้มงวดกับสินค้าที่ไม่มีใบเสร็จการซื้อหรือใบอนุญาต
เช่น ชาลีซอนน้ำหนักมากกว่า 3 กิโลกรัม วัตถุโบราณอายุเกิน 100 ปี ห้ามนำออก เงินตราต่างประเทศที่ไม่ได้แจ้งดีแคลร
์และอัญมณีที่ซื้อมาต้องแสดงใบเสร็จด้วย รวมถึงพันธ์พืชและดอกไม้บางชนิด ภาษีสนามบิน ขาออกนอกประเทศศรีลังกาคือคนละ 1000 รูปี

การแต่งกาย ที่ศรีลังกา
เนื่องจากมีอากาศแบบร้อนชื้น จึงควรเป็นเสื้อผ้าสวมสบาย ไม่ร้อนซับเหงื่อได้ดี ผ้าเนื้อบางเบา เช่น ผ้าฝ้าย ลินิน เป็นต้น สตรีต้องแต่งกายสุภาพเวลาเข้าไปในวัด
ผู้ชายศรีลังกาชอบนุ่งโสร่งควรเตรียมหมวกกันแดด ร่ม แว่นตากันแดด รองเท้าสวมสบาย หากขึ้นไปยังที่ราบสูง ภูเขา ควรมีเสื้อสเว็ตเตอร์กันหนาวไปด้วย

โรงแรมและที่พักที่ศรีลังกา
มีทุกระดับในเมืองใหญ่ ตั้งแต่เกสต์เฮ้าส์ขนาดเล็กไปจนถึงโรงแรมระดับ 5 ดาว
มีโรงแรมสวยๆ บรรยากาศโรแมนติกหลายแห่ง ราคาไม่แพง เริ่มต้น 20 เหรียญสหรัฐ ถึง 180 เหรียญสหรัฐ

ชีวิตกลางคืนของศรีลังกา
ค่อนข้างเงียบสงบในชนบท แต่ในกรุงโคลัมโบนั้นก็มีทุกอย่างครบครัน ทั้งผับ บาร์ ดิสโก้ คาราโอเกะ ไนต์คลับ
และที่พิเศษกว่าเมือง ไทยก็คือมีคาสิโนถึงราว 20 แห่ง เปิดตลอด 24 ชั่วโมงในทุกวัน ปิดเฉพาะวันโพย่า Poya คือวันพระจันทร์เต็มดวงขึ้น 15 ค่ำ
กีฬา ที่นิยมมากที่สุดคือ คริกเก็ต และ รักบี้ โดยเฉพาะคริกเก็ตศรีลังกาเคยเป็นแชมโลกอีกด้วย
ฤดูกาลของคริกเก็ตเริ่มตั้งแต่เดือนกันยายนถึงปลายเดือนเมษายนของทุกปี เรียกว่า The Lackspray Thorphy

การตกปลา ศรีลังกา
ที่แปลกและมีชื่อเสียง อยู่ทางตอนใต้ของเกาะที่เมือง Matara คนตกปลาจะนั่งอยู่บนเสาไม้ ปักอยู่ห่างจากชายฝั่งราว 200-300 เมตร
ตกปลาเฮอริ่งซึ่งมีชุกชุมมาก ตกได้นาทีละ 20 ตัว ว่ายกันมาเป็นฝูงๆนิยมตกกันตอนช่วงเวลาเย็น

การรักษาพยาบาล ศรีลังกา
ชาวต่างชาติจะต้องจะต้องจ่ายเงินสดเอง ขอแนะนำให้ไปโรงพยาบาลเอกชนจะสะอาดและทันสมัยมากกว่า
ผู้คนไม่แน่นเหมือนกับโรงพยาบาลของรัฐบาล แพทย์ส่วนใหญ่จะพูดภาษาอังกฤษได้ และมียารักษาโรคแผนปัจจุบันอย่างแพร่หลาย

ไปรษณีย์ ศรีลังกา

มีราคาถูก ค่าส่งโปสการ์ด 14 รูปี จดหมาย 20 รูปี ควรส่งแบบลงทะเบียนด่วน เปิดทำการ 07.00-18.00 น ในทุกวัน เว้นวันอาทิตย์
รวมทั้งยังมีบริการของ Dhl,Fed,Ex,Tntและ Pronto Lanka ซึ่งเป็นของเอกชน บริการได้รวดเร็วขึ้น

โทรศัพท์ ศรีลังกา
อัตราค่าโทรทางไกล มีราคาค่อนข้างแพง ยกตัวอย่างหากเราโทรมือถือในศรีลังกานาที 21 บาทโทรไปเมืองไทยนาทีละ 179 บาท
ทางไทยผู้รับไม่เสียเงิน หากโทรจากเมืองไทยนาทีละ 3 บาท แต่ผู้รับที่ศรีลังกาเสียนาทีละ 66 บาท

การถ่ายรูป ศรีรลังกา
ฟิล์มและถ่านมีราคาค่อนข้างแพงและด้อยคุณภาพควรเตรียมให้พร้อมและจะต้องเสียค่าธรรมเนียมกล้องถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ
เช่น อนุราธปุระ สีคิริยะ และโปโลนนารุวะแห่งละ 15 เหรียญสหรัฐ แคนดี้ 12 เหรียญสหรัฐ และยังมีข้อห้ามในการถ่ายรุป คือห้ามแตะต้อง
ห้ามยืนหันหลังให้กับพระพุทธรูปและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งถือว่าเป็นสิ่งที่ไม่สุภาพไม่เคารพต่อสถานที่ทางศาสนา

อาหารการกินของศรีลังกา
1. ฮอปเปอร์ Hoppers อีนเดียจะเรียกว่า “อาโปม” หรือ อัปปา Appa มีรูปร่างหน้าตาคล้ายขนมครกมาก แต่จะมีขนาดใหญ่กว่า 3-4 เท่า
ตรงกลางจะเป็นแป้งนุ่มหนา รอบข้างจะกรอบ ในเมืองไทยก็มีขายตามร้านชุมชน ชาวมุสลิมที่มีเชื้อสายบรรพบุรุษมาจากอินเดียทางใต้
ในเมืองไทยก็กินฮอปเปอร์หรืออาโปมคู่กับแกงปลาหรือปลาอินทรีทอดชิ้นโตๆอร่อยดีถึงรสเครื่องเทศ
2. สตริงฮอปเปอร์ String Hopper อินเดียเรียกว่า “อีเลีย อาโปม” หรืออินเดียอัปปาหน้าตาคล้ายเส้นหมี่หรือก๋วยเตี๋ยวหลอดเส้นเล็กฝอย
แต่จะเหนียวกว่าและจับตัวเป็นก้อนมีขนาดใหญ่กว่าขนมถ้วยนิดหน่อยรูปร่างลักษณะคล้ายขนมเรไร
เวลากินสตริงฮอปเปอร์จะต้องราดด้วยแกงกะทิผสมขมิ้นเครื่องเทศ กินกับไข่ต้มหนึ่งฟองลอยมากับน้ำแกงสีเหลืองขมิ้นหนึ่งถ้วย
3. ซัมบาล Sambal หรือ Polsambal เป็นมะพร้าวขูดผสมน้ำมะนาวเล็กน้อย เหยาะเกลือ
และพริกแห้งลงไปเล็กน้อยแล้วคละเคล้าจนได้รสชาติกลมกล่อม เปรี้ยวนิด เค็มหน่อย
4. โยเกิร์ต (Yokert) ทำมาจากนมควาย บรรจุในหม้อดินเผาปิดฝาด้วยใบตองบ้าง กระดาษบ้าง
แล้วรัดปากหม้อด้วยเชือกใยมะพร้าวมีหลายขนาด เวลารัปประทานมักราดด้วยน้ำผื้ง หรือน้ำหวานจากต้นตาลและมะพร้าว
5. กีไรซ์ (Ghee Rice) กี แปลว่า เนย เป็นข้าวหุงกับเนย ใส่เครื่องสมุนไพร มีสีเหลืองของเครื่องเทศผสม
บางครั้งใส่ลูกเกด ถั่วอัลมอนด์ ผงหญ้าฝรั่น อบเชย กระวาน กานพลู เรีอกอีกอย่างว่า “ข้าวปุเหล่า”
หากต้องการใส่เนื้อสัตว์เพิ่มเติมลงไป นิยมใส่ตรงเนื้ออกไก่ไม่ติดหนัง หั่นเป็นรูปเต๋า

อาหารว่างละอาหารเรียกน้ำย่อย
1. โรตี (Roti) นักท่องเที่ยวชาวฝรั่งเรียกว่า “แพนเค้ก มีทั้งแบบหวานใส่นม โรยน้ำตาล ไปจนถึงโรยพริก หัวหอมและโรตีใส่ไข่ใส่นม
2. บาเยีย (Bajee) ทำมาจากถั่วเขียว เอาไปแช่น้ำให้บานแล้วเอาเปลือกออกผสมแป้ง ทอดในน้ำมันท่วมนำมาจิ้มน้ำมะขามออกรสหวานอมเปรี้ยว
3. ซาโมซา (Samosa) ทำจากแป้งปอเปี๊ยะบางๆห่อใส่เนื้อไก่หรือผักมัดรวมกับเครื่องเทศผสมหอมใหญ่ ทอดในน้ำมันจนสีเหลืองทอง
ตักขึ้นตะแกรงที่กรองด้วยกระดาษซับมันนิยมรัปประทานกับซอสมะขามเปียก ซอสพริก หรือแยมซัตนี่มินต์สดจะเอร็ดอร่อยมาก
4. ทอดมันหอมใหญ่ รูปร่างค่อนข้างกลมรัปประทานตอนร้อนๆกับซอสพริกหรือแยมซัตนี่มะม่วงแบบเผ็ด
ทำมาจากหอมใหญ่ กระเทียม แป้งถั่วชิคพี แป้งสาลี ไข่ โซดาไบคาร์บอเนต พริกแห้งป่น แล้วนำไปทอดในกระทะก้นแบน
กดให้กระจายออกเป็นแผ่นบางๆทอดจนข้างในสุกและเหลืองทั้งสองด้านตักขึ้นซับน้ำมัน
5. จปาตี เป็นแป้งสาลี ที่ไม่ใส่เชื้อฟู ทอดจนเหลืองกรอบ รูปกลมแบน รัประทานเครื่องเคียงกับอาหารได้ทุกประเภท
ทำมาจากอัตตาหรือแป้งสาลีไม่ขัดขาว ผสมกี และเกลือ ทอดในกระทะหนา หรือเคลือบสารกันติดกระทะแล้ว ใช้ไฟกลาง
ทอดจนเหลืองทั้งสองด้านเมื่อสุกได้ที่แผ่นจปาตีและแห้งและนุ่มน่ารัประทาน
6. แกงถั่วเลนทิล รัปประทานกับจปาตี ทำจากถั่วเลนทิล สีน้ำตาล หอมใหญ่ ขิงสับละเอียด
มันฝรั่ง มะเขือเทศ ลูกผักชีป่น ยีหร่าป่น พริกแห้งป่นหยาบๆ มะพร้าวขูด น้ำมะขามเปียก กะหล่ำปลีหั่นฝอย
7. เคบับไก่ ทันดูรี (Kabab Tandoori) ชาวสรีลังกาถือว่าเนื้อไก่เป็นอาหารพิเศษ จะรัประทานกันในโอกาสสำคัญๆ
โดยนำเนื้ออกไก่ไม่ติดหนังหั่นเป็นชิ้นขนาด พอเหมาะแล้วนำไปเสียบบนไม้ปิ้งที่ทาน้ำมันไว้ ระหว่างปิ้งให้ทาด้วยเนยละลายโดยไม่ให้เนื้อแห้ง

 

    กรุ๊ปส่วนตัวไม่ว่าเล็กหรือใหญ่ /  สอบถาม / จอง / โอนเงิน  
         
  ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ , พระเขี้ยวแก้ว    
 
ทัวร์ศรีลังกา  11-15, 18-22, 20-24, 25-29 ตค.55 >> 33,900.- TPT   ( 5 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
 
ทัวร์ศรีลังกา  1-5, 8-12, 22-26 พย.55 >> 33,900.- TPT   ( 5 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
 
ทัวร์ศรีลังกา  2-6, 7-11, 22-26 ธค.55 >> 33,900.- TPT ( 5 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
 
ทัวร์ศรีลังกา  29 ธค.- 02 มค.56 >> 35,900.- TPT ( 5 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
  ทัวร์ศรีลังกา 8-13 ธค 54 > > 29,900 บาท HSA ( 6 วัน )  
  ทัวร์ศรีลังกา โคลัมโบ , เกาะมัลดีฟ    
   
ทัวร์ศรีลังกา-มัลดีฟ  10-15, 19-24, 23-28, 24-29 ตค.55 >> 39,900.- TPT   ( 6 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
   
ทัวร์ศรีลังกา-มัลดีฟ  07-12, 21-26 พย..55 >> 39,900.- TPT   ( 6 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
   
ทัวร์ศรีลังกา-มัลดีฟ  1-6, 5-10, 10-15, 20-25 ธค.55 >> 39,900.- TPT   ( 6 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
   
ทัวร์ศรีลังกา-มัลดีฟ  10-15, 19-24, 23-28, 24-29 ตค.55 >> 39,900.- TPT   ( 6 วัน ) ทัวร์ศรีลังกา
   
         

 

ทัวร์ศรีลังกา ที่อัพเดทวันที่เดินทางเอาไว้   

กรุ๊ปส่วนตัวที่จะไปกัมพูชา จะไปกี่คนก็ได้ และวันไหนก็ตามใจ

แต่ให้เหมาะ ควรมีไม่น้อยกว่า 8-12 คน จะได้ราคาพิเศษกว่า

ยิ่งได้ สัก 40-100 คน ก็ยิ่งดีมากครับ ติดต่อมาทางอีเมล์หรือ โทรมาก็ได้